จิตรกรรมบัวหลวง
ตลอดจนสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่จำนวนมากที่มีทักษะ แนวคิด และความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานด้าน จิตรกรรมเพื่อให้ได้ผลงานที่มีคุณภาพและมีคุณค่า และมีโอกาสขึ้นเวทีแสดงผลงานให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นับได้ว่า “จิตรกรรมบัวหลวง” เป็นสถาบันศิลป์ที่ได้รับการยอมรับจากวงการศิลปะว่าเป็นเวทีประกวดการวาดภาพที่ได้มาตรฐาน ศิลปินที่ได้รับรางวัลจากจิตรกรรมบัวหลวงหลายท่านมีฝีมือเป็นที่ประจักษ์และมีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพ บางท่านได้รับเกียรติสูงสุดในฐานะศิลปินแห่งชาติ ในขณะเดียวกันรางวัลจิตรกรรมบัวหลวงก็ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นรางวัลที่มีเกียรติและมีมาตรฐานสูง
ประเภทของงานจิตรกรรม
ประเภทจิตรกรรมที่จัดประกวดมี 3 ประเภท ได้แก่
1. จิตรกรรมไทยแบบประเพณี
เป็นงานจิตรกรรมที่มีกระบวนการสร้างสรรค์ แนวความคิด กลวิธี เรื่องราวเนื้อหาสาระที่ดำรงภาพลักษณ์ และเอกลักษณ์ของงานจิตรกรรมไทยแบบประเพณี
2. จิตรกรรมไทยแนวประเพณี
เป็นงานจิตรกรรมที่มีกระบวนการสร้างสรรค์ แนวความคิด กลวิธี และ เรื่องราวเนื้อหาสาระที่ดำรงภาพลักษณ์ และเอกลักษณ์ของงานจิตรกรรมไทยแบบประเพณีมาพัฒนา สร้างสรรค์ใหม่ให้เข้ากับสมัยนิยม
3. จิตรกรรมร่วมสมัย
เป็นงานจิตรกรรมที่มีกระบวนการสร้างสรรค์ แนวความคิด กลวิธี และเรื่องราวเนื้อหาสาระที่มีการแสดงออกอย่างอิสระเสรี
การประกวด ‘จิตรกรรมบัวหลวง’
มูลนิธิบัวหลวง ขอเชิญประชาชนผู้สนใจร่วมส่งภาพจิตรกรรมเข้าประกวด ‘จิตรกรรมบัวหลวง’ ครั้งที่ 45 ประจำปี 2567 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
หลักเกณฑ์ในการส่งผลงานเข้าประกวด
- สามารถส่งผลงานเข้าประกวดคนละไม่เกิน 3 ภาพ โดยต้องเป็นผลงานที่ไม่เคยเข้าร่วมแสดงในการประกวดผลงานศิลปกรรมที่ใดมาก่อน และเป็นผลงานจากความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง
- งานจิตรกรรมที่ส่งเข้าประกวดต้องมีลักษณะโดยรวมเป็น 2 มิติ ขนาดผลงาน (ไม่รวมกรอบ) ต้องไม่เกิน 150 x 200 ซม. กรอบข้างละไม่เกิน 10 ซม. และติดอุปกรณ์ให้ครบถ้วน พร้อมที่จะนำขึ้นแขวนแสดงในงานนิทรรศการได้ น้ำหนักรวมกรอบไม่เกิน 40 กิโลกรัม
- แนบประวัติส่วนตัวพร้อมชื่อ-ที่อยู่ของผู้ส่งผลงาน รวมทั้งกรอกรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับงานจิตรกรรม ลงในแบบฟอร์มที่กำหนดให้ ติดไว้ด้านหลังของงานที่ส่งเข้าประกวด
- ผลงานที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมแสดงในนิทรรศการ จะต้องร่วมแสดงจนจบทุกนิทรรศการตามที่มูลนิธิบัวหลวงกำหนด ส่วนผลงานที่ไม่ได้รับคัดเลือกร่วมแสดงนิทรรศการ สามารถรับคืนได้ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2567 - 30 มิถุนายน 2567 โทรนัดหมายรับผลงานล่วงหน้าได้ที่ (66) 0 2230 2560
เวลาและสถานที่ในการส่งผลงานเข้าประกวด
กำหนดส่งผลงานระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม 2567 และ 26 พฤษภาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 16.00 น. ณ ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ สีลม ชั้น 29 หรือสอบถามได้ที่ โทร. (66) 0 2230 2560
คัดเลือกและตัดสินผลงานในวันที่ 8 มิถุนายน 2567 โดยจะประกาศผลการตัดสินทางเว็บไซต์ธนาคาร www.bangkokbank.com และเว็บไซต์หอศิลป์ฯ www.queengallery.org
ดาวน์โหลดแบบฟอร์มการส่งผลงานเข้าร่วมประกวดจิตรกรรมบัวหลวง
คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกและตัดสินรางวัล
|
คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช |
ที่ปรึกษา |
|
1. ศาสตราจารย์เกียรติคุณปรีชา เถาทอง |
ประธานกรรมการ |
|
2. นายธงชัย รักปทุม |
กรรมการ |
|
3. ศาสตราจารย์เดชา วราชุน |
กรรมการ |
|
4. นายปัญญา วิจินธนสาร |
กรรมการ |
|
5. นายพิชัย นิรันต์ |
กรรมการ |
|
6. ศาสตราจารย์เกียรติคุณสันติ เล็กสุขุม |
กรรมการ |
|
7. นายช่วง มูลพินิจ |
กรรมการ |
|
8. ศาสตราจารย์เกียรติคุณปริญญา ตันติสุข |
กรรมการ |
|
9. รองศาสตราจารย์วิรัญญา ดวงรัตน์ |
กรรมการ |
|
10. นายอภิชาต รมยะรูป |
เลขานุการคณะกรรมการ |
|
11. นายวีรเดช พนมวัน ณ อยุธยา |
ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการ |
รางวัล
1. ประเภทจิตรกรรมไทยแบบประเพณี
รางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวง เงินรางวัล 200,000 บาท และทุนสำหรับไปทัศนศึกษางานศิลปะในต่างประเทศ
รางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวง และเงินรางวัล 150,000 บาท
รางวัลที่ 3 เหรียญทองแดงบัวหลวง และเงินรางวัล 100,000 บาท
2. ประเภทจิตรกรรมไทยแนวประเพณี
รางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวง เงินรางวัล 200,000 บาท และทุนสำหรับไปทัศนศึกษางานศิลปะในต่างประเทศ
รางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวง และเงินรางวัล 150,000 บาท
รางวัลที่ 3 เหรียญทองแดงบัวหลวง และเงินรางวัล 100,000 บาท
3. ประเภทจิตรกรรมร่วมสมัย
รางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวง เงินรางวัล 200,000 บาท และทุนสำหรับไปทัศนศึกษางานศิลปะในต่างประเทศ
รางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวง และเงินรางวัล 150,000 บาท
รางวัลที่ 3 เหรียญทองแดงบัวหลวง และเงินรางวัล 100,000 บาท
หมายเหตุ:
- คำตัดสินของคณะกรรมการฯ ถือเป็นที่สิ้นสุด
- คณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินรางวัลสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาที่จะเพิ่มหรืองดรางวัลใดก็ได้ตามแต่เห็นสมควร
- งานจิตรกรรมที่ได้รับรางวัลทุกประเภทเป็นกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิบัวหลวง และมูลนิธิฯ มีสิทธิ์ในการจัดพิมพ์เผยแพร่ผลงาน
- ผลงานที่ไม่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมแสดงติดต่อขอรับผลงานคืนได้ที่ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ สีลม ชั้น 29 ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2567 – 30 มิถุนายน 2567 โทรศัพท์นัดหมายล่วงหน้าได้ที่ (66) 0 2230 2560 หากไม่มารับผลงานคืนภายในเวลาที่กำหนด จะถือว่าเจ้าของผลงานสละสิทธิ์ในการรับผลงานคืน และยินดีมอบผลงานให้มูลนิธิฯ ดำเนินการตามเห็นสมควร สำหรับผลงานที่ได้ร่วมแสดงในนิทรรศการ ทางมูลนิธิฯ จะแจ้งให้ทราบภายหลังเมื่อจบนิทรรศการจิตรกรรมสัญจร
ผลการประกวด “จิตรกรรมบัวหลวง”
มูลนิธิบัวหลวงขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลการประกวดจิตรกรรมบัวหลวง ประจำปีที่ 44 ซึ่งได้ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกและตัดสินให้รางวัลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีผู้สนใจส่งผลงานจิตรกรรมทั้ง 3 ประเภทเข้าประกวดในปีนี้ 112 ราย รวมจำนวน 155 ภาพ และจะนำผลงานที่ได้รับรางวัล และผลงานที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการฯ ไปจัดนิทรรศการ ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
จิตรกรรมไทยแบบประเพณี
ไม่มีผลงานใดควรแก่รางวัลที่ 1
รางวัลที่ 2
รางวัลที่ 3
รางวัลที่ 3
รางวัลที่ 3
x
จิตรกรรมไทยแบบประเพณี รางวัลที่ 2
ผลงานชื่อ “ปราบทิฏฐินันโทปนันทะนาคราช” นายวิรัตน์ เอกปัจชา
เทคนิค สีฝุ่นทองคำเปลวบนพื้นดินสอพอง ขนาด 180 x 150 ซม.
สร้างสรรค์ผลงงานจิตรกรรม อันได้แรงบันดาลใจมาจาก วรรณกรรมพุทธประวัติ ตอนปราบทิฏฐินันโทปนันทะนาคราช ผ่านการใช้เส้นสีน้ำหนัก และบรรยากาศ ผสมผสานกับจินตนาการของข้าพเจ้าในการถ่ายทอดเนื้อหา ตอนปราบทิฏฐินันโทปนันทะนาคราชผ่านลงผลงานจิตรกรรมไทยประเพณี
x
จิตรกรรมไทยแบบประเพณี รางวัลที่ 3
ผลงานชื่อ “ลดทิฐิท้าวพญามหาชมภูบดี” นายวิภาส ตันเจริญ
เทคนิค สีฝุ่นทองบนพื้นดินสอพองกาวเมล็ดมะขามปิดทองคำเปลว ขนาด 160 x 120 ซม. .
ข้าพเจ้าต้องการนำเสนอภาพพุทธปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้า ที่มีความวิจิตรงดงาม อันเป็นทิพยสภาวะของพุทธบารมี เพื่อสะท้อนความศรัทธา ความอิ่มเอมใจ โดยถ่ายทอดผลงานรูปแบบจิตรกรรมไทยประเพณี ผ่านบรรยากาศของภาพ รูปทรง สี และลวดลาย อีกทั้งยังมุ่งหมายให้ผู้ชมได้เข้าใจ รับถึงสาระธรรมที่ปรากฎในพุทธปาฏิหาริย์นี้ที่ต้องการให้ท้าวพญาชมภูบดี
x
จิตรกรรมไทยแบบประเพณี รางวัลที่ 3
ผลงานชื่อ “พระเจ้าเปิดโลก” นายบัณฑิต วันนุกูล
เทคนิค สีฝุ่นบนพื้นกาวมะขาม ขนาด 170 x 150 ซม. .
ข้าพเจ้านำเอาพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากดาวดึงส์ แล้วทรงแสดงโลกวิวรณ์ปาฏิหาริย์ เปิดโลกทั้งสามแสดงให้เห็นถึงการมีอยู่จริงของสวรรค์ นรก ที่ทับซ้อนกันอยู่กับโลกในจักรวาล การเกิด ดับสลายของสรรพสิ่งในจักรวาลที่ต้องเวียนว่ายอยู่ในกามภูมิ รวมถึงมนุษย์เราต้องเวียนว่ายตายเกิดในกามภูมินี้ ตามปัจจัยแห่งบุญบาป นอกจากวิธีปฏิบัติตนตามโลกุตรฌานเพื่อให้บรรลุหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ ไปสู่ดินแดนนิพพาน
x
จิตรกรรมไทยแบบประเพณี รางวัลที่ 3
ผลงานชื่อ “โปรดพระพุทธบิดา” นายวิรัตน์ เอกปัจชา
เทคนิค สีฝุ่นบนพื้นดินสอพอง ปิดทองคำเปลว ขนาด 160 x 120 ซม. .
สร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมไทยประเพณี นำเสนอพุทธจริยวัตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงมีพระมหาเมตตา และการแสดงถึงความกตัญญูต่อบุพการีของพระองค์ ซึ่งจัดอยู่ในญาตัตถจริยาหรือพุทธจริยวัตรเพื่อประโยชน์แก่พระประยูรญาติทั้งหลาย ผู้สร้างสรรค์ต้องการถ่ายทอดความงามของพระพุทธเจ้าให้มีความโดดเด่น วางองค์ประกอบกำหนดภาพพระพุทธเจ้าและพระพุทธบิดาไว้กึ่งกลางภาพ เพื่อให้เกิดความรู้สึกสง่างาม ใช้สถาปัตยกรรมและสีบรรยากาศในภาพที่ดูแล้วอึดอัด อุปมาถึงความมีพร้อมทั้งความสะดวกสบายแต่กลับไม่น่าอยู่ ในขณะเดียวกันแสดงรัศมีของพระพุทธเจ้าก็ถูกเน้นขึ้นให้สว่าง เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ชี้ทางให้กับพระพุทธบิดา และพระประยูรญาติในด้านซ้ายของภาพ ด้านขวาเป็นภาพพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร รวมถึงพระสาวกองค์อื่น ๆ ที่กำลังเดินตามพระพุทธองค์ ใช้ภาพสถาปัตยกรรมและกำแพงล้อมรอบเพื่อเน้นในตัวละครตรงกลางภาพนั้นดูโดดเด่น
จิตรกรรมไทยแนวประเพณี
ไม่มีผลงานใดควรแก่รางวัลที่ 1 และ รางวัลที่ 2
รางวัลที่ 3
รางวัลที่ 3
รางวัลที่ 3
x
จิตรกรรมไทยแนวประเพณี รางวัลที่ 3
ผลงานชื่อ “พุทธทำนาย” พระมหาสมโชค โรจมณี
เทคนิค ผสม ขนาด 170 x 140 ซม.
ข้าพเจ้าประทับใจ การทำนายความฝันของพระพุทธเจ้า ที่ประทานให้กับพระเจ้าประเสนทิโกศล การทำนายความฝันนั้น เป็นจริงมากยิ่งขึ้น และเห็นได้ชัดในปัจจุบัน เช่น ทำนายว่า “กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม” เป็นต้น
x
จิตรกรรมไทยแนวประเพณี รางวัลที่ 3
ผลงานชื่อ “ป๊อปปี้ เลิฟ” นายภัทรศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง
เทคนิค สีฝุ่น ปิดทองคำเปลว เงินเปลว สีไม้ ขนาด 196 x 84 ซม.
ผมเลิกกับแฟน ด้วยเหตุผลที่ว่า การใช้ชีวิตของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันเกินไป ผมเสียใจกับเหตุนี้มาก จึงนำมาถ่ายทอดผ่านนางเมรีที่ใจสลาย กับการหนีจากไปขอพระรถ ผมตีความว่านางเมรีนั้นรักหลงพระรถเหมือนกับคนติดฝิ่นที่โหยหาฝิ่นตลอดเวลา เมรีจึงทุกข์ทรมาน เมื่อพระรถหนีจากไป ความรักที่พระรถมีต่อเมรีนั้น เริ่มค่อยๆ จางหายไปจนหมดรักไปในที่สุด ด้วยเหตุผลของความแตกต่าง (พระรถเป็นมนุษย์ เมรีเป็นนางยักษ์) ภูเขา ลม ไฟ ทะเล ที่พระรถเสกขึ้นมาจึงเป็นเหมือนการตั้งกำแพงในการตีตัวออกห่างจากนางเมรี poppy หมายถึงดอกฝิ่น เล่นกับคำว่า poppy love ที่หมายถึงความรักแรกพบที่จะค่อยๆ หมดรักไปตามกาลเวลา พืชและสัตว์ในภาพล้วนมีพิษ เช่น ดอกฝิ่น ดอกบัวสีน้ำเงิน ดอกลำโพง ที่ทำให้เกิดอาการเมาขั้นรุนแรง ดรีมฟิช ปลาปักเป้า ปลาบ้า ทำให้เกิดภาพหลอน
x
สิ่งมีค่าสูงสุดอยู่ในตัวเราเอง เพียงรอการค้นหาและฝึกฝน ความสุขไม่ใช่สิ่งที่ต้องหาจากภายนอก หากมีอยู่แล้วในตัวเราเพียงแต่ว่าเราจะมีวิธีขจัดส่วนเกิน ขจัดกิเลส เพื่อให้เกิดพุทธะในตัวเราได้อย่างไร
จิตรกรรมไทยแนวประเพณี รางวัลที่ 3
ผลงานชื่อ “ความสงบที่เบิกบาน” นายเจษฎา กิรติเสวี
เทคนิค แอลอีดีนีออนเฟล็กซ์สีต่างๆ และสีอะคริลิคบนแผ่นไม้อัด ขนาด 147 x 197 ซม.
ผมใช้แผ่นอะคริลิค ที่มีลักษณะภายนอกที่แข็งและเรียบ มองเหมือนไม่มีภาพอะไรเลย นำมาตัด เจาะ ฉลุ ส่วนที่เกินออก นำมาพ่นสีและจัดเรียงให้เป็นภาพ พระพุทธรูปในพระอุโบสถ จิตใจเราก็เช่นเดียวกันเต็มไปด้วยกิเลส และความแข็งกระด้าง ถ้าเราขจัดกิเลสส่วนเกินออกได้ ทีละเล็ก ทีละน้อย บ่อย ๆ เข้า ก็จะเกิดเป็นภาพพุทธะในใจเราได้
สิ่งมีค่าสูงสุดอยู่ในตัวเราเอง เพียงรอการค้นหาและฝึกฝน ความสุขไม่ใช่สิ่งที่ต้องหาจากภายนอก หากมีอยู่แล้วในตัวเราเพียงแต่ว่าเราจะมีวิธีขจัดส่วนเกิน ขจัดกิเลส เพื่อให้เกิดพุทธะในตัวเราได้อย่างไร
จิตรกรรมไทยร่วมสมัย
รางวัลที่ 1
รางวัลที่ 2
รางวัลที่ 3
x
กระต่ายตื่นตูม เป็นสำนวนใช้เปรียบเทียบคนที่แสดงอาการตื่นตกใจง่าย โดยไม่ทันสำรวจให้ถ่องแท้ก่อน เป็นสำนวนที่สะท้อนให้เห็นลักษณะของคนในสังคมปัจจุบันที่ขาดสติในการรับรู้ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ จนตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาชวนเชื่อ หรือแม้กระทั่งการหลอกลวง ต้มตุ๋น ฉ้อโกง จนเกิดความเสียหายเพียงเพราะการขาดสติยั้งคิดหลงเชื่อโดยไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเสียก่อน
ข้าพเจ้าสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อเตือนสติให้คนในสังคมใช้สติและปัญญาในการพิจารณารับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ โดยข้าพเจ้าใช้รูปทรงของเด็กสวมชุดสัตว์กำลังตื่นกลัวและวิ่งหนีสิ่งที่มองไม่เห็น โดยใช้ใบหน้าของเด็กที่ถูกปิดตาสัญลักษณ์แทนบุคคลที่ขาดสติและปัญญาในการพิจารณาให้รอบครอบเสียก่อน ซึ่งไม่ต่างจากเด็กไร้เดียงสาไม่สามารถมองเห็นข้อเท็จจริงได้ด้วยปัญญา จึงแสดงอาการตื่นกลัวตามสัญชาตญาณไม่ต่างจากสัตว์ชนิดอื่น ๆ
ข้าพเจ้าใช้สีอะคริลิคสดใสและสีสะท้อนแสงคล้ายแสงจากสื่อโฆษณา สร้างรูปทรงและใช้ดินสอสร้างน้ำหนักเพื่อกำหนดทิศทางของแสงและเงา และจัดองค์ประกอบของภาพโดยใช้ทิศทางการมองของดวงตาสัตว์สร้างเส้นเชิงนัยที่มองไม่เห็นไปยังด้านหลัง เพื่ออุปมาอุปไมยและเตือนสติให้คนในสังคมระวังภัยจากสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ที่เราอาจมองไม่เห็นแต่มีอยู่จริงในสังคมปัจจุบัน
จิตรกรรมไทยร่วมสมัย รางวัลที่ 1
ผลงานชื่อ “กระต่ายตื่นตูม” นายทองไมย์ เทพพรหม
เทคนิค สีอะคริลิคและดินสอบนผ้าลินิน ขนาด 150 x 180 ซม.
ข้าพเจ้าสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อเตือนสติให้คนในสังคมใช้สติและปัญญาในการพิจารณารับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ โดยข้าพเจ้าใช้รูปทรงของเด็กสวมชุดสัตว์กำลังตื่นกลัวและวิ่งหนีสิ่งที่มองไม่เห็น โดยใช้ใบหน้าของเด็กที่ถูกปิดตาสัญลักษณ์แทนบุคคลที่ขาดสติและปัญญาในการพิจารณาให้รอบครอบเสียก่อน ซึ่งไม่ต่างจากเด็กไร้เดียงสาไม่สามารถมองเห็นข้อเท็จจริงได้ด้วยปัญญา จึงแสดงอาการตื่นกลัวตามสัญชาตญาณไม่ต่างจากสัตว์ชนิดอื่น ๆ
ข้าพเจ้าใช้สีอะคริลิคสดใสและสีสะท้อนแสงคล้ายแสงจากสื่อโฆษณา สร้างรูปทรงและใช้ดินสอสร้างน้ำหนักเพื่อกำหนดทิศทางของแสงและเงา และจัดองค์ประกอบของภาพโดยใช้ทิศทางการมองของดวงตาสัตว์สร้างเส้นเชิงนัยที่มองไม่เห็นไปยังด้านหลัง เพื่ออุปมาอุปไมยและเตือนสติให้คนในสังคมระวังภัยจากสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ที่เราอาจมองไม่เห็นแต่มีอยู่จริงในสังคมปัจจุบัน
x
ในยุคปัจจุบันที่โลกเติบโตเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ที่มนุษย์เป็นตัวแปลสร้างอุตสาหกรรมขึ้นมามากมาย เพื่อตอบ สนองและสร้างผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและธรรมชาติด้วย ถือเป็นยุคสมัยที่มนุษย์ทิ้งอะไรไว้ข้างหลังเสมอ
โดยผลงานประกอบสร้างขึ้นจากเศษซากความเจริญที่ถูกทิ้งร้างในรูปแบบหมู่บ้าน สะพานที่ยังมีความหวัง โดยสื่อให้เห็นถึงการนำเอาเศษซากที่หลงเหลือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเศษไม้ เศษเหล็ก เศษพลาสติก มาจัดการเรียงร้อยประกอบเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นหมู่บ้านที่แข็งแกร่งปรับตัวสู่การนำเศษซากต่าง ๆ มาประกอบให้เกิดประโยชน์ สู่แรงขับเคลื่อนการจัดการกับล่องลอยที่มนุษย์เราได้ทิ้งไว้ ถึงแม้นี้จะเป็นเพียงแค่เศษ 1 ส่วน 100 หากมนุษย์เราหันกลับมองสิ่งรอบตัวใส่ใจกับเศษซากเหล่านี้มากขึ้น คำว่าพลิกฟื้นธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมให้กลับคืนสู่สมดุลคงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
จิตรกรรมไทยร่วมสมัย รางวัลที่ 2
ผลงานชื่อ “เรียงร้อยเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว” นายพิพัฒน์ จันทร์ทิพย์
เทคนิค สื่อประติดผสม ขนาด 150 x 150 ซม.
โดยผลงานประกอบสร้างขึ้นจากเศษซากความเจริญที่ถูกทิ้งร้างในรูปแบบหมู่บ้าน สะพานที่ยังมีความหวัง โดยสื่อให้เห็นถึงการนำเอาเศษซากที่หลงเหลือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเศษไม้ เศษเหล็ก เศษพลาสติก มาจัดการเรียงร้อยประกอบเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นหมู่บ้านที่แข็งแกร่งปรับตัวสู่การนำเศษซากต่าง ๆ มาประกอบให้เกิดประโยชน์ สู่แรงขับเคลื่อนการจัดการกับล่องลอยที่มนุษย์เราได้ทิ้งไว้ ถึงแม้นี้จะเป็นเพียงแค่เศษ 1 ส่วน 100 หากมนุษย์เราหันกลับมองสิ่งรอบตัวใส่ใจกับเศษซากเหล่านี้มากขึ้น คำว่าพลิกฟื้นธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมให้กลับคืนสู่สมดุลคงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
x
ทุกย่างก้าวของการดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความมีสติ ไม่ประมาท ข้าพเจ้าจินตนาการสร้างโลกส่วนตัวเสมือนป่าแห่งหนึ่ง ที่ลึกลับ แต่แฝงไปด้วยเรื่องราวและความงดงามในธรรมชาติ ป่าที่ซึ่งถือกำเนิดสรรพชีวิตที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนไปตามระบบนิเวศน์ เรื่องราวของงูพิษที่กำลังจะทำร้ายมนุษย์ กิ้งก่ากำลังเพ่งจะกินแมลงปอ กบที่ออกมาจากกะลา รวมถึงการลอกคราบ การเจริญเติบโตในวงจรชีวิตอันแสนสั้นที่เกาะเกี่ยวกันอยู่ในธรรมชาติบนขอนไม้และใบหญ้า
คนโบราณสอนลูกหลานด้วยการอุปมาอุปไมยเรื่องราวตัวละครจากวรรณคดี พุทธประวัติ ฯลฯ โดยการวาด สอดแทรกเรื่องราวความเชื่อผ่านธรรมชาติของป่า คน และสัตว์ต่าง ๆ ในจิตรกรรมฝาผนังเพื่อขัดเกลาจิตใจและเตือนสติผู้ที่ได้รับชม อันเป็นแนวความคิดและแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้าถ่ายทอดผลงานจิตรกรรมในรูปแบบ Narrative Art ด้วยเทคนิคการวางองค์ประกอบแบบตรีเอกภาพแสดงผ่านการทำงานจิตรกรรมในรูปแบบเหมือนจริงผสานอุดมคติและความเชื่อด้วยอารมณ์ความรู้สึกผ่านสภาพแวดล้อมฟิกเกอร์เรทีฟ เคลื่อนไหวอยู่ในเสี้ยววินาทีแห่งชีวิตที่เตือนสติให้ข้าพเจ้ารู้ถึงสัจธรรมแห่งความจริงในธรรมชาติและการดำรงชีวิตให้ดี เพราะมนุษย์ผู้ประเสริฐด้วยคุณธรรมและปัญญาจึงควรแตกต่างจากบรรดาสัตว์ทั้งหลาย ตามหลักธรรมคำสอนแห่งพระพุทธศาสนา
จิตรกรรมไทยร่วมสมัย รางวัลที่ 3
ผลงานชื่อ “ลมหายใจแห่งชีวิต” นางสาวเบญจมาศ บางหลวง
เทคนิค สีน้ำมันบนผ้าลินิน ขนาด 150 x 190 ซม.
คนโบราณสอนลูกหลานด้วยการอุปมาอุปไมยเรื่องราวตัวละครจากวรรณคดี พุทธประวัติ ฯลฯ โดยการวาด สอดแทรกเรื่องราวความเชื่อผ่านธรรมชาติของป่า คน และสัตว์ต่าง ๆ ในจิตรกรรมฝาผนังเพื่อขัดเกลาจิตใจและเตือนสติผู้ที่ได้รับชม อันเป็นแนวความคิดและแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้าถ่ายทอดผลงานจิตรกรรมในรูปแบบ Narrative Art ด้วยเทคนิคการวางองค์ประกอบแบบตรีเอกภาพแสดงผ่านการทำงานจิตรกรรมในรูปแบบเหมือนจริงผสานอุดมคติและความเชื่อด้วยอารมณ์ความรู้สึกผ่านสภาพแวดล้อมฟิกเกอร์เรทีฟ เคลื่อนไหวอยู่ในเสี้ยววินาทีแห่งชีวิตที่เตือนสติให้ข้าพเจ้ารู้ถึงสัจธรรมแห่งความจริงในธรรมชาติและการดำรงชีวิตให้ดี เพราะมนุษย์ผู้ประเสริฐด้วยคุณธรรมและปัญญาจึงควรแตกต่างจากบรรดาสัตว์ทั้งหลาย ตามหลักธรรมคำสอนแห่งพระพุทธศาสนา
เครื่องมือช่วยเหลือ
ธนาคารพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณ
ในทุกธุรกรรมทางการเงิน
เครื่องมือช่วยเหลือ
ธนาคารพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณในทุกธุรกรรมทางการเงิน
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่
นโยบายการใช้คุกกี้
