1. อย่าหลงเชื่อลิงก์ที่แนบมาพร้อมกับข้อความ SMS อีเมล เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือโปรแกรมสนทนาต่างๆ เช่น LINE และ Facebook Messenger ที่ไม่มีแหล่งที่มา และห้ามเปิดลิงก์แนบอย่างเด็ดขาด
2. ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวผ่านการร้องขอในรูปแบบต่างๆ หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับช่องทางการบริการ ให้ติดต่อธนาคารโดยตรงด้วยตนเอง
3. หากพบข้อความ หรือเว็บไซต์ที่สงสัยว่าจะเป็นการฟิชชิ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับธนาคาร ควรติดต่อธนาคารทันที
4. กรณีหลงเชื่อและเปิดเผยข้อมูลหรือรหัสผ่านไปแล้ว ให้รีบติดต่อธนาคารเพื่อเปลี่ยนรหัสผ่านทันที
5. อาจเลือกใช้บริการแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวของบัญชี ผ่านช่องทางที่ธนาคารกำหนด เช่น SMS Alert หากพบรายการธุรกรรมที่ผิดปกติหรือข้อมูลบัญชีที่ไม่ถูกต้อง ควรติดต่อธนาคารทันที

1. ปิดให้บริการชั่วคราว ธนาคารกรุงเทพ สาขากระบี่ เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2563 เพื่อทำความสะอาดและฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ตามประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัดกระบี่
2. ให้พนักงานทุกคนที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับพนักงานผู้ติดเชื้อดังกล่าว ทำการกักตัวเองในที่พักอาศัย (Self-Quarantine at Home) โดยทันทีตามระยะเวลามาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข
3. สำหรับลูกค้าที่รับการบริการจากพนักงานคนดังกล่าวในช่วงวันที่ 14-22 ธันวาคม 2563 ธนาคารได้แจ้งให้ลูกค้าทราบ เพื่อจะได้พิจารณาเข้ารับการตรวจหาเชื้อจากโรงพยาบาลหรือกักตัวเองเพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน

• สาขาอุทยานวิทยาศาสตร์
• สาขาอุทยานวิทยาศาสตร์ 2

• สาขาเซ็นทรัล พลาซา มหาชัย
• สาขาบิ๊กซี มหาชัย
• สาขาเทสโก้ โลตัส กระทุ่มแบน
• สาขาเทสโก้ โลตัส มหาชัย
• สาขาเทสโก้ โลตัส มหาชัย 2

ธนาคารกรุงเทพแจ้งว่าได้รวมสาขาในประเทศอินโดนีเซีย เข้ากับเครือข่ายสาขาของธนาคารเพอร์มาตาอย่างเป็นทางการ โดยได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจการเงินของอินโดนีเซีย Otoritas Jasa Keuangan หรือ OJK มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นไปตามแผน หลังจากธนาคารกรุงเทพเข้าซื้อกิจการธนาคารเพอร์มาตาเสร็จสมบูรณ์ในเดือนพฤษภาคม 2563 และเข้าถือหุ้นร้อยละ 98.71 หลังดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดของเพอร์มาตาเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2563

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้รวมสาขาในประเทศอินโดนีเซียเข้ากับธนาคารเพอร์มาตาอย่างเป็นทางการแล้ว โดยได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจการเงินของอินโดนีเซีย (OJK) มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2563 ซึ่งการรวมสินทรัพย์และหนี้สินที่มีคุณภาพของสาขาธนาคารกรุงเทพในประเทศอินโดนีเซียเข้ากับธนาคารเพอร์มาตาในครั้งนี้ ทำให้สถานะของธนาคารเพอร์มาตาขยับขึ้นเป็นธนาคารขนาดใหญ่ 1 ใน 10 ของอินโดนีเซีย และเมื่อได้รับการยืนยันจาก OJK ธนาคารเพอร์มาตาจะเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม BUKU IV ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ระดับสูงสุดจากการจัดระดับโดยธนาคารกลางแห่งอินโดนีเซียตามขนาดของเงินทุน โดยมีเงินทุนรวมกว่า 30 ล้านล้านรูเปียห์ (63,332 ล้านบาท)

“การผนวกสาขาของธนาคารกรุงเทพในอินโดนีเซียเข้ากับธนาคารเพอร์มาตา เป็นการดำเนินการต่อเนื่องตามแผน หลังจากธนาคารกรุงเทพเข้าซื้อกิจการธนาคารเพอร์มาตาเสร็จสมบูรณ์ในเดือนพฤษภาคม 2563 และเข้าถือหุ้นร้อยละ 98.71 หลังดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดของเพอร์มาตาเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2563 โดยการรวมสาขาของธนาคารกรุงเทพในประเทศอินโดนีเซียเข้าเป็นทีมเดียวกับธนาคารเพอร์มาตา ถือเป็นการรวมจุดแข็งของทั้งสองธนาคารเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประโยชน์แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในฐานะธนาคารที่อยู่ใน 10 อันดับแรกของอินโดนีเซีย ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่า ธนาคารเพอร์มาตาพร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินทั้งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัวและยามผันผวน”

นายชาติศิริ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ลูกค้าของธนาคารกรุงเทพในอินโดนีเซียคือลูกค้าของธนาคารเพอร์มาตา ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของธนาคารกรุงเทพ และด้วยเครือข่ายบริการที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ลูกค้าสามารถใช้บริการได้อย่างหลากหลาย เช่น บริการสำหรับลูกค้าบุคคล บริการทางการเงินตามหลักศาสนาอิสลาม หรือ ชะรีอะฮ์ รวมถึงนวัตกรรมด้านบริการธนาคารดิจิทัล และบริการด้านสินเชื่อในสกุลเงินรูเปียห์ ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพจะทำงานร่วมกับธนาคารเพอร์มาตาเพื่อประสานความร่วมมือในการส่งมอบบริการที่เป็นเลิศ โดยผสานจุดแข็งด้านเครือข่ายในประเทศและภูมิภาคระหว่างสองธนาคารเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์คุณค่า ให้ลูกค้าในภูมิภาคสามารถเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนในอินโดนีเซียได้มากขึ้น ในขณะที่ลูกค้าในอินโดนีเซียสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายต่างประเทศเพื่อโอกาสในการขยายธุรกิจทั้งในอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ

เกี่ยวกับธนาคารกรุงเทพ

ธนาคารกรุงเทพก่อตั้งในปี 2487 ปัจจุบันเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม (มูลค่า 3,810,591 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2563) อีกทั้งยังเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 6 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม ปัจจุบัน ธนาคารมีบัญชีเงินฝากมากกว่า 17 ล้านบัญชี สาขากว่า 1,000 แห่งในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารกรุงเทพเป็นธนาคารไทยที่มีเครือข่ายในต่างประเทศมากที่สุด 300 กว่าแห่ง ใน 14 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งประกอบด้วย 9 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทย่อยในต่างประเทศที่สำคัญ คือ ธนาคารเพอร์มาตา ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย ที่มีสาขาประมาณ 300 แห่ง ใน 62 เมืองทั่วประเทศอินโดนีเซีย ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) ที่มีสาขา 6 แห่งตั้งอยู่ในเมืองหลักๆ ของประเทศจีน และธนาคารกรุงเทพ เบอร์ฮาด ที่มีสาขา 5 แห่งทั่วประเทศมาเลเซีย

เกี่ยวกับธนาคารเพอร์มาตา

ธนาคารเพอร์มาตาเป็น 1 ใน 10 สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม ณ เดือนธันวาคม 2563 นับเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของธนาคารกรุงเทพ ซึ่งได้โอนชำระค่าหลักทรัพย์ธนาคารพีที เพอร์มาตา ทีบีเค (เพอร์มาตา) ร้อยละ 89.12 เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 ปัจจุบัน ธนาคารกรุงเทพมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 98.71 หลังดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดของเพอร์มาตาเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2563 ธนาคารเพอร์มาตาให้บริการทางการเงินครบวงจรแก่ฐานลูกค้ากว่า 3 ล้านราย ผ่านสาขาทั่วประเทศอินโดนีเซีย โดยเป็นหนึ่งในธนาคารที่ริเริ่มการให้บริการธนาคารทางโทรศัพท์มือถือ (Mobile Banking) และเทคโนโลยีการชำระเงินออนไลน์ รวมถึง PermataMobile X ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่มีกว่า 200 ฟังก์ชัน

ธนาคารกรุงเทพตอกย้ำภาพ “Digital Lifestyle” สนับสนุนลูกค้าใช้ชีวิตได้ดั่งใจ เปิดแคมเปญ “55HOORAY ใช้ชีวิตได้ดั่งใจ หลังวัยเกษียณ” เน้นกลุ่มลูกค้าอายุ 50-65 ปี ให้มีไลฟ์สไตล์อิสระได้แบบที่ต้องการโดยไม่ต้องกังวลใจ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่รองกับการใช้ชีวิตได้ดั่งใจในทุกรูปแบบ พร้อมให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์ดิจิทัล บนโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ สนใจสมัครได้แล้ววันนี้ - 15 กุมภาพันธ์ 2564

นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพเปิดแคมเปญใหม่ “55HOORAY...ใช้ชีวิตได้ดั่งใจ หลังวัยเกษียณ” เจาะกลุ่มลูกค้าสูงวัย ที่มีอายุตั้งแต่ 50-65 ปี ส่งเสริมให้มีไลฟ์สไตล์ได้ในแบบที่ต้องการ โดยธนาคารจะเป็นผู้ช่วยดูแลผ่านกลุ่มผลิตภัณฑ์ บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท บริการประกันภัย รวมทั้งบริการโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ และพร้อมช่วยวางแผนและสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคตให้มั่นคงยิ่งขึ้น โดยมีจุดเด่นของแต่ละบริการที่ช่วยให้ลูกค้ามีอิสสระในการใช้ชีวิตได้ตามต้องการแบบไม่ต้องกังวลใจ พร้อมสิทธิพิเศษมากมายถึง 3 ต่อ

• ต่อที่ 1 55HOORAY
  รับ e-Voucher MK มูลค่าสูงสุด 200 บาท จากการสมัครผลิตภัณฑ์ที่กำหนด
  
  
• ต่อที่ 2 HOORAY Gang อิ่มกันยกก๊วน
  รับ e-Voucher MK มูลค่า 500 บาท เมื่อชวนเพื่อนเข้าร่วมแคมเปญครบ 5 ราย
  
  
• ต่อที่ 3 รับสิทธิ์ร่วมกิจกรรม HOORAY Day ฟรี!
  เพียงทำรายการชำระบิล อาทิ ค่าสาธารณูปโภค ค่าบัตรเครดิต ค่าสินเชื่อลีสซิ่ง อย่างน้อย 2 รายการ ตามรอบที่กำหนด ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ ก็สามารถรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมพิเศษโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ธนาคารกรุงเทพ จัดมหกรรมจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ “บัวหลวงเอสเอ็มอีแฟร์ 2563” ครั้งที่ 12 นำผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยมหลายร้อยรายการ ส่งตรงจากผู้ผลิตสมาชิกชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี กว่า 100 ราย พร้อมเสิร์ฟถึงมือผู้บริโภคให้ช้อปได้ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ เคียงข้างเป็น “เพื่อนคู่คิด” พาธุรกิจฝ่าวิกฤติ เติบโตต่อได้ในยุค Next Normal

นายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพจัดงาน “บัวหลวงเอสเอ็มอีแฟร์ 2563” งานมหกรรมจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษจากสมาชิกชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี กว่า 100 ราย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยแบ่งเบาผู้บริโภคให้สามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพเยี่ยมในราคาพิเศษ ซึ่งในงานครั้งนี้ได้รวบรวมสินค้าไว้หลายร้อยรายการ อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์มือถือ ชุดเครื่องนอน กระเป๋าเดินทาง รองเท้าแบรนด์ดัง อาหารและอาหารทะเลแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ของขวัญของชำร่วย และสินค้าคุณภาพอื่นๆ อีกหลากหลาย โดยงานในปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม 2563 ณ บริเวณลานด้านหน้าธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่สีลม

นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เพิ่มช่องทางใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ขาช้อปได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มแพลตฟอร์มโซเชียลคอมเมิร์ซ Facebook Group “บัวหลวงเอสเอ็มอีแฟร์” อีกหนึ่งช่องทาง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและรองรับพฤติกรรมลูกค้าในยุค Next Normal เพียงแค่คลิก https://www.facebook.com/groups/373578103954190 ก็สามารถเลือกช้อปสินค้าคุณภาพได้จากทุกที่ที่ต้องการ ไม่ต่างจากการมาเดินเลือกซื้อสินค้าภายในงานด้วยตัวเอง

สำหรับงานมหกรรมสินค้า “บัวหลวงเอสเอ็มอีแฟร์” ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2552 ด้วยแนวคิดของ คุณโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ อดีตประธานกรรมการบริหาร เพื่อสนับสนุนการเพิ่มช่องทางการตลาดและรายได้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจที่เป็นสมาชิกชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี ขณะเดียวกันยังเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพสูงในราคาพิเศษ จากผู้ผลิตที่นำมาจำหน่ายโดยตรง ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ประสบความสำเร็จอย่างสูงตั้งแต่ปีแรก และจัดต่อเนื่องตลอดมาทุกปี จนปัจจุบันนับเป็นครั้งที่ 12 แล้ว

“ธนาคารให้ความสำคัญอย่างสูงสุดกับการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้มาร่วมงาน จึงได้จัดงานภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยขอความร่วมมือให้ผู้ร่วมงานทุกคนสวมหน้ากากอนามัย และให้ความสำคัญในการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) ในระหว่างเลือกซื้อสินค้าภายในงาน พร้อมทั้งยังมีโปรโมชั่น “สแกนจ่าย ได้เงินคืน” สำหรับการจ่ายค่าสินค้าแบบดิจิทัล เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เงินสด สำหรับลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่ชำระเงินผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking ในร้านค้าที่ร่วมรายการ ตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป รับเงินคืน (Cash Back) 20 บาทต่อรายการ (ลูกค้าจะได้รับเงินคืนเข้าบัญชีที่ใช้สแกนจ่ายในวันถัดไป สูงสุด 100 บาทต่อคน จำกัด 1,000 สิทธิ์ ตลอดงาน) ขณะเดียวกัน ธนาคารยังมีบริการ BeMerchant ผู้ช่วยสำหรับร้านค้ายุคดิจิทัล เพื่อรับการชำระค่าสินค้าด้วย QR Code ลดความยุ่งยากในการจัดการเงินสดและช่วยสรุปยอดขาย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่คนกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้เงินสดอีกด้วย”

นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ตลอดปี 2563 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญปัญหารอบด้าน โดยเฉพาะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาของประเทศไทย แต่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วโลก กลายเป็นโจทย์สำคัญของผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอี จำเป็นต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อประคองธุรกิจให้รอดพ้นวิกฤติและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต เพราะแม้สถานการณ์จะเริ่มฟื้นตัวกลับมา แต่สิ่งต่างๆ รอบตัวจะเปลี่ยนแปลงไป ทั้งวิธีคิด พฤติกรรม และรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หรือเข้าสู่ยุค Next Normal ทำให้ธุรกิจที่ยังอยู่ในวิถีเดิมๆ คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม จะไม่สามารถอยู่รอดได้

ธุรกิจยุค Next Normal จึงควรยึดหลัก “2L 2ต.” เป็นหัวใจในการทำธุรกิจ ประกอบด้วย Light ธุรกิจต้องเบา คล่องตัว ไม่มีกระบวนการยุ่งยากซับซ้อน เพราะทำให้ประสิทธิภาพต่ำลง Liquid มีสภาพคล่องเพียงพอ ขณะเดียวกันต้องทำสินค้าหรือบริการนั้นต่างจากคู่แข่ง เพื่อให้แข่งขันได้ ไม่ต้องไปสู้ในสงครามราคา และต้องมีต้นทุนต่ำ เพื่อให้ขายสินค้าในราคาที่เหมาะสม เพราะแนวโน้มคนจะมีรายได้ลดลง และระมัดระวังเรื่องใช้จ่ายมากขึ้น ธุรกิจจึงต้องทำให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่า ได้สินค้าดี ที่ราคาไม่แพง

“การปรับตัวของธุรกิจเอสเอ็มอีในเวลานี้ จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่และสำคัญมาก ถ้าเป็นอาการป่วยคงอยู่ในภาวะที่ต้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน เพื่อต่อสู้กับโรคที่กำลังเผชิญและรักษาให้หายขาด แต่ขณะเดียวกันการประคับประคองเพื่อแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า หรือการรักษาตามอาการก็ยังจำเป็นต้องทำควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้ธุรกิจผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากตรงหน้าไปให้ได้ก่อน ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” พร้อมเคียงข้างธุรกิจเอสเอ็มอี มีหลากหลายมาตรการให้ความช่วยเหลือ ทั้งการดูแลสภาพคล่อง การให้คำปรึกษาเพื่อวางแผนและบริหารจัดการทางการเงิน รวมทั้งการจัดการแก้ปัญหาหนี้ที่ภาคธุรกิจต้องแบกรับ ด้วยการพิจารณาสินเชื่อต่างๆ หรือการเข้าร่วมโครงการ DR BIZ เพื่อช่วยลูกค้าเอสเอ็มอีแก้หนี้แบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว และเป็นอีกหนึ่งแนวทางให้ความช่วยเหลือลูกค้าให้อยู่รอดไปด้วยกันในภาวะวิกฤติเช่นนี้”

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นำโดย ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และนางสาวพจณี คงคาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ร่วมให้การต้อนรับ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานเปิดงานฯ นายสันติ วิริยะรังสฤษฏ์ ประธานจัดงานฯ และนางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฏ์ รองประธานจัดงานฯ โอกาสให้เกียรติร่วมเป็นประธานพิธีเปิดและเยี่ยมชมบูธธนาคารกรุงเทพ ในงานมหกรรมการเงินส่งท้ายปี ครั้งที่ 4 หรือ Money Expo Year-End 2020 จุดหมายปลายทางด้านการเงินและการลงทุนแบบครบวงจรครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี กับหลากหลายผลิตภัณฑ์ บริการ พร้อมโปรโมชั่น จัดหนัก จัดเต็ม จากธนาคารและบริษัทพันธมิตร ร่วมสัมผัสประสบการณ์การเงินยุค New Normal ช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี ตอกย้ำฐานะ “เพื่อนคู่คิด” พร้อมเคียงข้างและร่วมฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารเข้าร่วมงาน Money Expo Year-End 2020 ภายใต้แนวคิด Bangkok Bank Wealth Journey เส้นทางสู่ความมั่งคั่งอย่างมั่นคงกับธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นแนวคิดหลักที่ธนาคารใช้สื่อสารมาตลอดปี 2020 สะท้อนถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ บริการทางการเงินและการลงทุนอย่างครอบคลุม สอดคล้องความต้องการทุกสถานการณ์ในแต่ละช่วงชีวิต โดยเฉพาะปี 2020 แม้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 แต่ธนาคารยังยืนหยัดพร้อมเคียงข้างเป็น “เพื่อนคู่คิด” ร่วมฝ่าวิกฤติ ยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องความต้องการลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงมีมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ทั้งกลุ่มที่ต้องการสร้างความมั่นใจยามเกิดวิกฤติ หรือผู้มองเห็นโอกาสสร้างความมั่นคงในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการออมเงิน การลงทุน ความต้องการเข้าถึงสินเชื่อหรือมาตรการช่วยเหลือต่างๆ โดยสามารถรับคำปรึกษาและคำแนะนำการลงทุน จากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากธนาคารกรุงเทพ และบริษัทพันธมิตรชั้นนำได้โดยตรงภายในงานครั้งนี้

โดยไฮไลท์ในปีนี้ ธนาคารเตรียมความพิเศษของผลิตภัณฑ์ บริการ และโปรโมชั่นแบบจัดหนัก จัดเต็ม ทุกพื้นที่ภายในบูธทั้ง 300 ตารางเมตร เพื่อเป็นของขวัญส่งท้ายปีสำหรับลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมบูธของธนาคาร โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุค New Normal อย่าง Bangkok Bank Mobile Banking พร้อมระบบงานและฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบสนองธุรกรรมการเงินได้ครบครันยิ่งขึ้น และได้ทยอยพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ทั้งความต้องการในการทำธุรกรรมและความต้องการในการลงทุน / BeMerchant NextGen แอปพลิเคชันสำหรับร้านค้ายุคดิจิทัล เพื่อรองรับการชำระสินค้าและบริการด้วย QR Code สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้าที่ขยับไปสู่ New Normal พร้อมช่วยสนับสนุนนโยบายการขับเคลื่อนประเทศไปสู่สังคมไร้เงินสด หรือ Cashless Society อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างความมั่งคั่ง พร้อมรับมือต่อความเสี่ยงจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในอนาคต เช่น กองทุนรวม นำเสนอกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) การลงทุนระยะยาว พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี / บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ บัวหลวงเอ็กซ์ตร้า บัญชีเงินฝากที่ให้ทั้งการออมเงิน และรับความคุ้มครองประกันภัยอุบัติเหตุ / บัตรเครดิต / บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ตอบรับนโยบายสังคมไร้เงินสด และให้ความมั่นใจด้านความปลอดภัยทุกครั้งที่ใช้จ่าย / แบงก์แอสชัวรันส์ / บัวหลวงทรัพย์สินพร้อมขาย และสินเชื่อธุรกิจ SME พร้อมกิจกรรมสนุกๆ และโปรโมชั่นอัดแน่นมาแบบจุกๆ มอบเป็นของขวัญส่งท้ายปีให้กับลูกค้าธนาคาร เช่น

• กิจกรรมสะสม e-Stamp แลกรับของรางวัล เมื่อลงทะเบียนร่วมงานผ่าน QR Code และ Add LINE Bangkok Bank Official ภายในงาน รับกระเป๋าผ้า Limited Edition มูลค่า 85 บาท 1 ใบ พร้อมรับของสมนาคุณเพิ่ม กล่องอเนกประสงค์ หรือร่มกันแดด มูลค่า 250 บาท เมื่อสมัครผลิตภัณฑ์หรือบริการธนาคารครบตามเงื่อนไข ช่วยขับเคลื่อน Digital Experience ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ ตรงใจและเข้าถึงลูกค้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Digital Payment Solution ของธนาคาร
• บัตรของขวัญ มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตตามเงื่อนไข
• รับกระเป๋า Tote Bag Limited Edition สุดคูล 1 ใบ มูลค่า 195 บาท เมื่อสมัครใช้งาน BeMerchant NextGen
• รับกระเป๋า Blue Bag มูลค่า 390 บาท พร้อมค่าสำรวจและประเมินหลักประกัน มูลค่า 3,210 บาท และค่าธรรมเนียมจัดการสินเชื่อ ฟรี! เมื่อจองทรัพย์สินพร้อมขายภายในงาน
• รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เมื่อลงทะเบียนจองสิทธิ์ภายในงาน พร้อมรับเซ็ตกระดาษโน้ต Home Loan และหมอนรองคอ 1 ใบ มูลค่า 259 บาท เมื่อสมัครสินเชื่อบ้านบัวหลวง พร้อมยื่นเอกสารประกอบตามเงื่อนไข
• รับ Rewards เพิ่มพิเศษ จากเทสโก้ โลตัส เมื่อสมัครใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ และกรอกโค้ดพิเศษผ่านแอปพลิเคชันภายในงาน
• รับ Eco Bag 1 ใบ มูลค่า 590 บาท เมื่อสมัครบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น แรบบิท ศิริราช หรือ บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น มาสเตอร์การ์ด พร้อมชำระค่าธรรมเนียมภายในงาน

ธนาคารกรุงเทพ ประกาศเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ “TT01” เทคโนโลยีประมวลผลและเข้าใจภาษาไทยที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในภาษาทางการเงินการธนาคาร ที่พัฒนาและสร้างขึ้นจากความร่วมมือของธนาคารกรุงเทพกับ “Pand.ai” ประเทศสิงคโปร์ หนึ่งในสตาร์อัพฟินเทค โครงการ Bangkok Bank InnoHub Season 2 โดยมี Bualuang Ventures ในฐานะผู้ให้คำแนะนำและความช่วยเหลือในเรื่องการลงทุน เพื่อตอบสนองความต้องการในการสื่อสารและใช้งานบนช่องทางดิจิทัล พร้อมแผนในการนำไปพัฒนาต่อยอดกลายเป็นระบบ Conversational System เพื่อเชื่อมโยงกับระบบอื่นๆ ต่อไป

ดร.เปาว์ ศรีประเสริฐสุข ผู้จัดการฝ่ายนวัตกรรม ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของโครงการ Bangkok Bank InnoHub ของธนาคารกรุงเทพ ในการเปิดตัวนวัตกรรมล่าสุด “TT01” เทคโนโลยีประมวลผลและเข้าใจภาษาไทย ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในภาษาทางการเงินการธนาคารที่พัฒนาและสร้างขึ้นจากความร่วมมือของธนาคารกรุงเทพกับ “Pand.ai” ประเทศสิงคโปร์ หนึ่งในสตาร์อัพฟินเทค โครงการ Bangkok Bank InnoHub Season 2

“เราต้องการสร้างกลไกเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เข้าใจภาษามนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาษาไทย เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจมีเครื่องมือในการสื่อสารที่ก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง จึงได้เริ่มมีการพัฒนาเมื่อต้นปี 2563 และเสร็จสมบูรณ์ในเดือนตุลาคม โดยเป็นการต่อยอดเพิ่มเติมในรายการภาษาของ Pand.ai ที่ได้พัฒนาและมีอยู่ในเอ็นจิ้น Natural Language Processing (NLP) ทั้งภาษาอังกฤษ จีน บาฮาซามาเลเซีย และบาฮาซาอินโดนีเซีย ซึ่งโซลูชั่นดังกล่าวจะช่วยให้ธุรกิจสร้างเครื่องมือในการสื่อสารที่สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาคได้ดียิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน Pand.ai ได้ให้บริการแก่บริษัท Global Fortune 500 ใน 5 ประเทศของภูมิภาคที่ล้วนเป็นลูกค้าขนาดใหญ่ อาทิ Schroders, Tokio Marine Life Singapore และ Allianz”

ดร.เปาว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทีมงานมีความสนใจ “TT01” เป็นอย่างมาก ด้วยเชื่อว่าเทคโนโลยี AI ดังกล่าว จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับใช้ในการสื่อสารขั้นสูงที่มีความเชี่ยวชาญทางการเงินการธนาคาร รวมถึงก้าวข้ามความท้าทายของภาษาไทยซึ่งมีความซับซ้อนในเรื่องโครงสร้างของภาษาและไม่ได้ถูกนำไปวิจัยและพัฒนาในระดับสากลมากนัก และเพื่อความมั่นใจ ธนาคารได้มีการทดสอบเพื่อประเมินประสิทธิภาพของ “TT01” หลายต่อหลายครั้ง พบว่าปัจจุบัน เทคโนโลยีมีความแม่นยำสูงถึง 96% นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนาให้มีการเข้าใจและประมวลผลภาษาธรรมชาติ ซึ่งอาจผสมระหว่างภาษาไทย ภาษาแสลง ภาษาอังกฤษ รวมถึงอีโมติคอน เป็นต้น ซึ่งภาษาเหล่านี้มักเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ธนาคารจึงมีความภูมิใจที่สามารถร่วมกับ Pand.ai ในการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นอีกก้าวสำคัญของการศึกษาและพัฒนา AI ที่สามารถเข้าใจและสื่อสารภาษาไทย พร้อมผลักดันให้มีการนำไปใช้อย่างแพร่หลายเพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคนี้

มร.ชวง ชิน วี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง Pand.ai กล่าวว่า ในโอกาสที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Bangkok Bank InnoHub Season 2 เมื่อปี 2019 โปรแกรมที่มุ่งสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่นำไปใช้ในธุรกิจได้จริง และมีโอกาสได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับธนาคารกรุงเทพที่มีความต้องการพัฒนาและสร้างกลไกเทคโนโลยี AI สำหรับภาษาไทยที่ทุกธุรกิจสามารถเข้าถึงและนำไปใช้งานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราได้เห็นความสำคัญและความจำเป็นอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจและประมวลผลของภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

ด้านนายกฤษณ์พันธุ์ รัตนมาลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัวหลวงเวนเจอร์ ในกลุ่มธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ทางบริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำเร็จจากการทำงานร่วมกันของธนาคารกรุงเทพและ Pand.ai ที่สามารถพัฒนาโซลูชั่นและยกระดับประสบการณ์ในการสื่อสารบนพื้นฐานการใช้เทคโนโลยี AI สำหรับลูกค้าและธุรกิจ

“สำหรับโซลูชั่น TT01 นี้ สามารถเริ่มให้บริการลูกค้าของธนาคารกรุงเทพ และ Pand.ai ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 ที่จะช่วยสนับสนุนงานด้านดิจิทัลโดยเฉพาะการขายบนช่องทาง LINE และด้านบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า” ดร.เปาว์ กล่าว

นายปิติ สิทธิอำนวย ประธานกรรมการธนาคาร (ขวา) นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร (ที่ 2 จากขวา) พร้อมด้วยกรรมการธนาคาร คณะผู้บริหารและพนักงาน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 100 รูป ในโอกาสวันคล้ายวันก่อตั้งธนาคารครบปีที่ 76 ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี โดยในปี 2563 นี้ ธนาคารได้นิมนต์พระสงฆ์จาก 5 วัด ประกอบด้วย วัดยานนาวา วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร และวัดราชสิงขร เพื่อรับบาตร ณ บริเวณลานด้านหน้าอาคารสำนักงานใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ถนนสีลม

ครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง 2 ผู้นำ อย่างธนาคารกรุงเทพ และฮั่วเซ่งเฮง เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถซื้อ-ขาย ทองคำ ราคาเดียวกับในตลาดโลกแบบเรียลไทม์ ด้วยเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ (USD) บนแพลตฟอร์ม Hua Seng Heng USD Gold Trade ผ่านบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Deposit Account: FCD) สำหรับลูกค้าธนาคารกรุงเทพ ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน เพิ่มทางเลือกในการลงทุนและทำกำไรได้มากกว่าเดิม นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไฟเขียวให้ลูกค้านักลงทุนสามารถลงทุนซื้อ-ขายทองคำกับบริษัทผู้ค้าทองคำที่ได้รับอนุญาตจาก ธปท. สามารถชำระค่าซื้อขายทองด้วยสกุลเงิน USD ผ่านบัญชี FCD ได้ โดยไม่ต้องแปลงสกุลเงิน จากที่ก่อนหน้าการซื้อขายทองคำในประเทศตามปกติต้องชำระเป็นสกุลเงินบาท ผ่านการตัดบัญชีบาทเท่านั้น ทำให้กลุ่มผู้ค้าทองรายใหญ่ เริ่มสนใจและหันมาขยายบริการในตลาดกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น

ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ และฮั่วเซ่งเฮง ในฐานะผู้นำตลาดทองคำ มองเห็นโอกาสที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าของทั้ง 2 กลุ่ม ภายใต้มาตรการดังกล่าว นำมาสู่การผนึกกำลังร่วมกันของทั้ง 2 ผู้นำ ใน 2 กลุ่มธุรกิจ เพื่อร่วมบุกเบิกบริการรูปแบบใหม่นี้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ผ่านแพลตฟอร์มบริการที่ชื่อว่า HUA SENG HENG USD GOLD TRADE หรือการลงทุนในรูปแบบการซื้อขายทองแท่ง 99.99 Gold Spot ด้วยสกุลเงิน USD ผ่านระบบออนไลน์ โดยอ้างอิงราคาทอง Live Gold Spot แบบ Real Time เพื่อช่วยลดต้นทุนจากแรงกดดันและความผันผวนต่อค่าเงินบาท จากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากไม่ต้องแปลงค่าเงินเป็นบาททุกครั้งที่มีการซื้อขาย สร้างความคุ้มค่าทำให้นักลงทุนได้มากขึ้น รวมทั้งอำนวยความสะดวกมากยิ่งกว่าเดิม ด้วยการทำธุรกรรมแบบออนไลน์

ทั้งนี้ การให้บริการแพลตฟอร์ม HUA SENG HENG USD GOLD TRADE สามารถทำธุรกรรมได้ทั้งบนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน โดยผู้ลงทุนจะสามารถซื้อขายทองคำเป็นเงิน USD ได้แบบเรียลไทม์ ผ่านบัญชี FCD ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการเทรดทอง เพราะไม่ต้องเปลี่ยนค่าเงินจาก USD เป็นเงินบาท ทุกครั้งที่มีการซื้อและขาย ช่วยให้ผู้ลงทุนตัดสินใจลงทุนได้ง่ายขึ้น พร้อมด้วยโปรโมชั่นอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษจากธนาคารกรุงเทพในการแปลงค่าเงินระหว่างบัญชี FCD สกุลเงินดอลลาร์กับบัญชีสกุลเงินบาท พร้อมทั้งยังได้รับดอกเบี้ยเงินฝากอีกด้วย

“ธนาคารกรุงเทพ ให้ความสำคัญกับการเป็น “เพื่อนคู่คิด” ในทุกช่วงชีวิตของลูกค้า พร้อมทั้งการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าอย่างสูงสุด ภายใต้ความเข้าใจอินไซต์ลูกค้าทุกกลุ่มอย่างถ่องแท้ โดยเฉพาะการลงทุนที่อิงกับการซื้อขายในตลาดโลก ที่นักลงทุนต้องสามารถทำธุรกรรมได้ในเวลาที่ต้องการแบบ Real Time ภายใต้ต้นทุนที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าอย่างสูงสุด การเปิดบัญชีเงินตราต่างประเทศผ่านบัญชี FCD จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าในกลุ่มนักลงทุน ขณะเดียวกัน ในฐานะที่ธนาคารให้ความสำคัญกับการเติมเต็มด้าน Digital Experience และมุ่งอำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าบัญชี FCD ทุกคน ดังนั้น ภายในปลายปีนี้ลูกค้า FCD ธนาคารกรุงเทพ จะสามารถดูการเคลื่อนไหวทางบัญชี (View Statement) ผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking ได้อีกหนึ่งช่องทางเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าสามารถเช็ครายละเอียดบัญชีได้ด้วยตัวเองตลอดเวลาที่ต้องการ และเชื่อว่าจะช่วยให้ธนาคารสามารถขยายฐานลูกค้าบัญชี FCD ให้เพิ่มมากขึ้นได้อย่างแน่นอน” นายชาญศักดิ์ กล่าว

ด้าน นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฮั่วเซ่งเฮง กล่าวว่า ในนามกลุ่มธุรกิจค้าทองฮั่วเซ่งเฮง รู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่ง ที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ให้ความไว้วางใจ และให้การอนุญาตแก่บริษัทในการชำระและรับชำระค่าทองคำที่ซื้อขายในประเทศ กับลูกค้าของบริษัทที่เป็นบุคคลในประเทศ และบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ ด้วย สกุลดอลลาร์สหรัฐ อย่างเป็นทางการเป็นรายแรก

ฮั่วเซ่งเฮงในฐานะผู้นำในธุรกิจค้าทองในประเทศไทยมากว่า 70 ปี มีความยินดีที่ได้มีโอกาส ร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มการให้บริการซื้อขายทองในรูปแบบใหม่รองรับการลงทุนรูปแบบการซื้อขายทองGold Spot เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการผ่อนผันการถือครองสกุลเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย และพร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจค้าทองของไทย ให้เป็นแบบอย่างที่ก้าวล้ำและเป็นผู้นำในภูมิภาค

ปัจจุบันการซื้อขายทองคำผ่านระบบออนไลน์มีการเติบโตเป็นอย่างมาก Hua Seng Heng USD GOLD จะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยิ่งเพิ่มความสะดวกให้กับนักลงทุน สามารถช่วยลดต้นทุนจากแรงกดดันและความผันผวนต่อค่าเงินบาท อีกทั้งยังสามารถดูราคาซื้อขายอ้างอิงราคา spot ในต่างประเทศได้ทันที ทำให้ซื้อขายได้คล่องสามารถชำระเงินได้อย่าง real time และทำธุรกรรมแบบออนไลน์ได้ทุกที่ที่ต้องการ จึงเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนทำกำไรได้มากขึ้น ส่วนลูกค้าที่มีบัญชี FCD อยู่ก่อนแล้ว ยังสามารถบริหารต้นทุนผ่านการลงทุนทองคำได้โดยไม่ต้องไปลงทุนในต่างประเทศ

ทั้งนี้ ทางบริษัท ขอขอบคุณธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นคู่ค้าธุรกิจอันยาวนาน และเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เราได้บรรลุเป้าหมายในการให้บริการที่เป็นเลิศและสำเร็จลุล่วงมาโดยตลอด ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการให้บริการการซื้อขายทองคำในรูปแบบสกุลเงินดอลลาร์ จะได้รับความนิยมและเป็นกำลังสำคัญในการเปิดประตูการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านในระยะต่อไป

สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนผ่านแพลตฟอร์ม HUA SENG HENG USD GOLD TRADE สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.huasengheng.com หรือโทร. (66) 0 2763 9999 และสามารถเปิดบัญชี FCD ที่เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงเทพ 45 สาขา ใกล้บ้าน พร้อมรับเอกสารแนะนำจากฮั่วเซ่งเฮง โดยบัญชี FCD ธนาคารกรุงเทพ สามารถเปิดบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศในสกุลหลักๆ ได้ถึง 16 สกุลเงิน อาทิ ดอลลาร์สหรัฐ หยวน ยูโร ปอนด์สเตอร์ลิง ฟรังก์สวิส เยน ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ดอลลาร์ฮ่องกง ดอลลาร์สิงคโปร์ เป็นต้น ด้วยอัตราเงินฝากเริ่มต้น 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเทียบเท่าในสกุลเงินอื่น โดยมีจุดเด่น คือ การทำธุรกรรมได้ง่าย ทั้งฝาก ถอน หรือโอนเงินระหว่างบัญชี หลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งฝากได้ในหลากหลายสกุลเงินที่รับฝาก ทั้งบัญชีสะสมทรัพย์ประจำ หรือกระแสรายวัน โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ (66) 0 2645 5555

ธนาคารกรุงเทพ ปูพรมบริการตัวแทน Banking Agent เดินหน้าขยายช่องทางอำนวยความสะดวกลูกค้า เพิ่มจุดรับฝากเงินสดใกล้บ้านยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องมาสาขาหรือมองหาเครื่องฝากเงินสด โดยเฉพาะในต่างจังหวัด หรือตามชุมชนต่างๆ เพียงมาที่จุดบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ที่มีจำนวนกว่า 12,500 สาขาทั่วประเทศ ช่วยขยายพื้นที่ให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม พร้อมโปรโมชั่นของขวัญส่งท้ายเก่าปีต้อนรับปีใหม่ สำหรับลูกค้าธนาคารกรุงเทพ ที่ใช้บริการฝากเงินสดผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 63 - 23 ม.ค. 64 รับฟรี! คูปองแทนเงินสดท้ายใบเสร็จ มูลค่า 10 บาท สำหรับใช้ชำระค่าสินค้าในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเติมเต็มประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า จากทุก Touchpoint ที่มีทั้งออนไลน์ และออฟไลน์

นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพให้ความสำคัญกับการเติมเต็มประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าอย่างสูงสุด จึงเร่งเดินหน้าขยายบริการตัวแทน Banking Agent ต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการอำนวยความสะดวก และลดข้อจำกัดในการเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยล่าสุดได้จับมือกับเคาน์เตอร์เซอร์วิส บริษัทในกลุ่มธุรกิจซีพีออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ผู้นำธุรกิจค้าปลีกของประเทศไทย เพื่อขยายบริการรับฝากเงินสดแก่ลูกค้าธนาคารกรุงเทพ สามารถนำฝากเงินสดเข้าบัญชีสะสมทรัพย์ และกระแสรายวัน ได้อย่างสะดวกแม้จะอยู่นอกเวลาให้บริการของสาขาธนาคาร ทั้งไม่ต้องกังวลว่าจะมีเครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติอยู่ในบริเวณใกล้เคียงหรือไม่ เพราะสามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศมากกว่า 12,500 สาขา

นอกจากนี้ ยังได้มอบความคุ้มค่าเพิ่มมากยิ่งขึ้นให้กับลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่มาใช้บริการฝากเงินสดที่จุดให้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วประเทศ ด้วยการมอบโปรโมชั่นช่วงแนะนำบริการ พร้อมทั้งเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ลูกค้า ด้วยคูปองแทนเงินสดท้ายใบเสร็จ มูลค่า 10 บาท ฟรี! สำหรับเป็นส่วนลดชำระค่าสินค้าในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โดยมีระยะเวลาในการมอบคูปองแทนเงินสด ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 63 - 23 ม.ค. 64 และสามารถนำคูปองแทนเงินสดมาใช้ได้จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 64

“ความร่วมมือกับเคาน์เตอร์เซอร์วิส บริษัทในกลุ่มธุรกิจ ซีพีออลล์ ครั้งนี้ เป็นการยกระดับการสร้างประสบการณ์และความพึงพอใจให้ลูกค้าธนาคารกรุงเทพ ด้วยการเพิ่ม New Touchpoint สำหรับบริการรับฝากเงินสดเพื่อนำเข้าบัญชีสะสมทรัพย์ และกระแสรายวัน ผ่านพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีจุดให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ระดับชุมชน หรือหมู่บ้าน ที่ใกล้ตัวลูกค้ามากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงบริการได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการมีแพลตฟอร์มที่หลากหลายของธนาคาร ที่สามารถรองรับพฤติกรรมและความต้องการเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Bangkok Bank Mobile Banking หรือ Digital Channel ต่างๆ รวมทั้ง Physical Channel อาทิ จำนวนสาขาธนาคารกว่า 1,000 แห่ง เครื่องฝาก/ถอนเงินสดอัตโนมัติอีกกว่า 10,000 ตู้ และความพยายามในการเพิ่มพันธมิตรตัวแทนบริการ Banking Agent อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรายล่าสุดอย่างเคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่อยู่ภายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงบริการทางการเงินของธนาคารกรุงเทพได้อย่างครอบคลุมแบบก้าวกระโดด โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการขยายความร่วมมือเพื่อให้บริการที่หลากหลายรูปแบบเพิ่มเติมมากขึ้นในอนาคตอีกด้วย”

นายวีรเดช อัครผลพานิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า เคาน์เตอร์เซอร์วิสมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นตัวแทน Banking Agent ให้กับธนาคารกรุงเทพ ที่เป็นธนาคารรายใหญ่ที่มีจำนวนผู้ใช้บริการมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยบริการดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลให้เข้าถึงธุรกรรมทางด้านการเงินมากยิ่งขึ้น สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้าและมั่นใจได้ถึงความถูกต้อง รวดเร็ว และความปลอดภัยของข้อมูล ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของเคาน์เตอร์เซอร์วิสแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ด้วยจำนวนจุดให้บริการที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ที่เปิดให้บริการทุกวัน กว่า 12,500 สาขา ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

ผู้สนใจต้องการใช้บริการฝากเงินสดเข้าบัญชีสะสมทรัพย์ หรือบัญชีกระแสรายวัน ธนาคารกรุงเทพ ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น มีรายละเอียดดังนี้

• ผู้นำฝาก ใช้เพียงบัตรประชาชน พร้อมคีย์เลขที่บัญชีสะสมทรัพย์ หรือบัญชีกระแสรายวันธนาคารกรุงเทพ
• กำหนดวงเงินในการรับฝากเงินสด ตั้งแต่ 100 - 30,000 บาทต่อรายการ และไม่เกิน 100,000 บาทต่อวัน ต่อหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ใช้บริการ

ธนาคารกรุงเทพ ร่วมกับ ศิริราช สานต่อโครงการบัตรร่วม (Co-brand) อัพเกรดสิทธิประโยชน์ “บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น แรบบิท ศิริราช” ให้ฟรีประกันอุบัติเหตุ พร้อมค่ารักษาพยาบาล แตะจ่ายได้เหมือนบัตรแรบบิท ด้าน “บัตรเครดิตวีซ่า แพลทินัม ศิริราช” ผ่อนจ่ายค่ารักษา 0% นาน 3 เดือน ส่วนลด-คะแนนสะสมจัดเต็ม ฟรีตรวจสุขภาพ ปลื้มผลตอบรับ 5 ปีที่ผ่านมา ลูกค้ากว่า 1.4 ล้านราย ร่วมบริจาคกว่า 275 ล้านบาท พร้อมจัดแคมเปญพิเศษชวนลูกค้าบัตรเครดิตแลกคะแนนสะสมแทนเงินบริจาคสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อผู้ป่วย

นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารและคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ต่อสัญญาความร่วมมือสำหรับการให้บริการบัตรร่วม (Co-brand) เพื่อสานต่อโครงการแห่งการให้ ควบคู่กับการนำเสนอสิทธิประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่รองรับทั้งไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิทัลเพื่อก้าวไปสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด และความตั้งใจที่จะแบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่น โดยได้เพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ของบัตรร่วมเพื่อตอบโจทย์การใช้จ่ายได้อย่างตรงใจมากยิ่งขึ้น ดังนี้

• บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น แรบบิท ศิริราช สามารถทำธุรกรรมผ่านตู้เอทีเอ็มทั่วประเทศ และทั่วโลก พร้อมฟังก์ชั่นแรบบิท เพียงเติมเงินสามารถใช้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส รถด่วนพิเศษบีอาร์ที และชำระค่าสินค้าที่ร้านค้าแรบบิทพร้อมรับส่วนลดและสิทธิประโยชน์จากร้านค้าในเครือแรบบิทที่ร่วมรายการ โดยทุกธุรกรรมสามารถมั่นใจถึงมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ด้วยชิพอัจฉริยะช่วยป้องกันการโจรกรรมข้อมูลบนบัตร และมาพร้อมจุดเด่นมอบความคุ้มครองจากประกันภัยอุบัติเหตุ สูงสุด 200,000 บาท รับประกันภัยโดยบริษัทกรุงเทพ ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
  
  
• บัตรเครดิตวีซ่า แพลทินัม ศิริราช มีบริการผ่อนชำระ Be Smart สำหรับค่ารักษาพยาบาลที่รพ.ศิริราช และรพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ (0% 3 เดือน, 0.74% สูงสุด 10 เดือน) บริการสำรองที่จอดรถพิเศษ ใช้จ่ายผ่านบัตรทุก 25 บาท รับ 1 คะแนน และรับคะแนนสะสม 2 คะแนน เมื่อบริจาคเงินผ่านบัตรที่ศิริราช แลกคะแนนสะสมเป็นไมล์เดินทาง พร้อมประกันอุบัติเหตุการเดินทาง วงเงินคุ้มครองสูงสุด 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ

• บริการตรวจสุขภาพ Basic Package ฟรี ปีละ 1 ครั้ง เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรตั้งแต่ 3 แสนบาทขึ้นไป/ปี
• ส่วนลด 5-40% ค่าหัตถการ และผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ณ การแพทย์แผนไทยประยุกต์ ศิริราช อาคารปิยมหาราชการุณย์ ชั้น 7
• ส่วนลด 10% บัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน

ธนาคารกรุงเทพ แต่งตั้ง เทสโก้ โลตัส เป็น Banking Agent ผนึกกำลังให้บริการฝาก/ถอนเงินสด ผ่านเทสโก้ โลตัสได้แล้ว มากกว่า 1800 สาขาทั่วประเทศ พร้อมตั้งเป้าขยายให้ครบทุกสาขาภายในสิ้นปีนี้ เพิ่มช่องทางการเข้าถึงการทำธุรกรรมการเงิน ผสานการให้บริการแบบออมนิแชนแนล ให้ลูกค้าสะดวกทุกที่ทุกเวลา

การร่วมมือระหว่างเทสโก้ โลตัส และธนาคารกรุงเทพ จะทำให้ลูกค้าธนาคารกรุงเทพกว่า 17 ล้านบัญชี สามารถฝาก/ถอนเงินสด ผ่านเคาน์เตอร์ชำระเงินของเทสโก้ โลตัส ทั้งสาขาขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เพิ่มเติมจากการทำธุรกรรมที่สาขาและเครื่องฝาก/ถอนเงินสดอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าได้มากขึ้น สามารถเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินได้ตลอดเวลาที่ต้องการผ่านทั้งช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ ด้วยจำนวนสาขาของเทสโก้ โลตัสที่ครอบคลุมทุกภูมิภาค รวมถึงมีระยะเวลาในการทำธุรกรรมได้ยาวนานขึ้น ตามเวลาการเปิดให้บริการที่ยาวนานกว่าการให้บริการของสาขาธนาคารตามปกติ โดยปัจจุบันสามารถใช้บริการฝาก/ถอนเงินสดในเทสโก้ โลตัสได้แล้วกว่า 90% หรือมากกว่า 1,800 สาขา และภายในสิ้นปีนี้จะขยายบริการให้ครบทั้งกว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศ

นางปรัศนี อุยยามะพันธ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ปัจจุบันพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้ามีความหลากหลายมาก และไม่ได้จำกัดอยู่บนเพียงแพลตฟอร์มเดียว บางคนมีเงินสดอยู่ในมือ แต่ต้องการทำธุรกรรมออนไลน์ หรือบางคนมีแอปพลิเคชันแต่จำเป็นต้องใช้เงินสดในเวลานั้นแต่ไม่มีตู้เอทีเอ็ม ดังนั้น การมีพันธมิตรอย่างเทสโก้ โลตัส ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกชั้นนำระดับประเทศ เข้ามาช่วยให้บริการ Banking Agent จะช่วยยกระดับศักยภาพการให้บริการและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น สามารถเชื่อมต่อกันไปมาระหว่างการทำธุรกรรมทั้งช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ได้ตลอดเวลา ช่วยลดข้อจำกัดเรื่องการทำธุรกรรมที่สาขา ไม่จำเป็นต้องเดินหาตู้รับฝากเงินอัตโนมัติหรือตู้เอทีเอ็ม รวมถึงมีระยะเวลาให้บริการที่ยืดหยุ่นตามพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าที่สามารถเข้ามาทำธุรกรรมในเวลาที่สะดวก หรือเวลาเร่งด่วนได้ ความร่วมมือครั้งนี้ จึงช่วยตอกย้ำจุดมุ่งหมายในการดำเนินธุรกิจของทั้งของธนาคารกรุงเทพ และเทสโก้ โลตัส ที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับและพัฒนาความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างสูงสุดอยู่เสมอเช่นเดียวกัน” นางปรัศนี กล่าว

นางสาววิณัฏฐา นิภาวงษ์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจบริการ เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า “หนึ่งในจุดมุ่งหมายของเทสโก้ โลตัส คือการเป็น One Stop Destination ที่ลูกค้าสามารถมาจับจ่ายสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่เอื้อมถึง และยังสามารถประกอบกิจกรรมต่างๆ ซึ่งรวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างสะดวกสบายภายในจุดเดียว การร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพในการเป็น Banking Agent ช่วยเติมเต็มบริการที่เทสโก้ โลตัส ส่งมอบให้กับลูกค้าที่เข้ามาช้อปปิ้งในทุกสาขา โดยลูกค้าที่มีบัญชีธนาคารกรุงเทพ จะสามารถทำธุรกรรมฝากและถอนเงินสดได้ผ่านจุดบริการลูกค้าและทุกแคชเชียร์ในเทสโก้ โลตัส สาขาใหญ่ และแคชเชียร์เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรสทั่วประเทศ นอกจากนั้น ลูกค้ายังสามารถถอนเงินสดได้จากบัตรเดบิตบีเฟิสต์ สมาร์ท ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งช่วยยกระดับความสะดวกยิ่งขึ้นไปอีก ตอบโจทย์ลูกค้าในยุคปัจจุบันที่ต้องการความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการใช้บริการ และเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้กับลูกค้า สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการฝาก/ถอนเงินสดผ่านบัญชีธนาคารกรุงเทพพร้อมคลับการ์ด ที่เทสโก้ โลตัส สาขาที่ร่วมรายการ ระหว่าง 1 พ.ย. 63 - 31 ธ.ค. 63 รับฟรีคูปองส่วนลดท้ายใบเสร็จมูลค่า 15 บาท สำหรับซื้อสินค้าในครั้งต่อไป”

ทั้งนี้ ลูกค้าที่ต้องการฝาก/ถอนเงินสด ผ่านช่องทางเคาน์เตอร์ชำระเงินของเทสโก้ โลตัส จะมีเงื่อนไขในการใช้บริการดังนี้

บริการฝากเงินสด

• ผู้นำฝากต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน ชนิดสมาร์ทการ์ดที่มีชิปบนบัตร และระบบต้องสามารถอ่านข้อมูลจากชิปบนบัตรได้
• แจ้งเลขที่บัญชีสะสมทรัพย์ หรือบัญชีกระแสรายวันของธนาคารกรุงเทพที่ต้องการนำฝาก โดยเป็นบัญชีที่ยังอยู่ในสถานะปกติ (Active)
• กำหนดวงเงินในการรับฝากตั้งแต่ 100-30,000 บาทต่อรายการ สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อวัน ต่อหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ใช้บริการ
• อัตราค่าธรรมเนียมในการนำฝากเงินสด 15 บาทต่อรายการ

• สำหรับลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่มีบัตรเดบิต ได้แก่ บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น ยูเนี่ยนเพย์ หรือบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น มาสเตอร์การ์ด โดยบัตรต้องเปิดให้สามารถชำระค่าสินค้าได้
• การถอนเงินสดจะถูกหักจากบัญชีเงินฝากหลักที่ผูกไว้กับบัตรเดบิต
• กำหนดวงเงินในการการถอนตั้งแต่ 100-5,000 บาทต่อรายการ สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาทต่อวันต่อผู้ใช้บริการแต่ละราย
• อัตราค่าธรรมเนียมในการถอนเงินสด 15 บาทต่อรายการ

ธนาคารกรุงเทพ เดินหน้าขยายฐานผู้ใช้งานโมบายแอปฯ ต่อเนื่อง อัดโปรโมชั่นแรง ในงานเทศกาลดนตรีรับลมหนาว Cat expo 7 รับส่วนลดสูงสุดถึง 50% เมื่ออุดหนุนสินค้าจากบูทศิลปินภายในงาน และสแกนจ่ายด้วย Bangkok Bank Mobile Banking ใจป้ำ ให้สิทธิ์รับส่วนลดได้แบบไม่จำกัดจำนวน ยิ่งซื้อมาก ยิ่งลดมาก ยิ่งฟินมาก คอดนตรีห้ามพลาด ระหว่างวันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2563 ที่ Wonder World รามอินทรา

นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพ ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าผู้ใช้งาน Bangkok Bank Mobile Banking อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ร่วมสนับสนุนงานเทศกาลดนตรี Cat Expo 7 เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบเสียงดนตรี โดยได้จัดโปรโมชั่นพิเศษมอบส่วนลดสูงสุดถึง 50% สำหรับลูกค้าธนาคารกรุงเทพ เมื่ออุดหนุนสินค้าจากบูทศิลปินภายในงาน และสแกนจ่ายด้วย Bangkok Bank Mobile Banking ซึ่งลูกค้าสามารถใช้สิทธิ์ได้แบบไม่จำกัดจำนวน ตลอดงาน

ทั้งนี้ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้แก่ลูกค้าและตอบรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ ธนาคารยังได้ร่วมออกบูธกิจกรรมภายในงานฯ ซึ่งสามารถให้บริการเปิดบัญชีเงินฝากได้ทันที เพียงแค่ใช้บัตรประชาชนในการยืนยันตัวตนเพียงใบเดียว และสามารถเริ่มใช้งาน Bangkok Bank Mobile Banking ได้ทันที นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมวงล้อลุ้นโชค ให้ลูกค้าได้ร่วมสนุกและลุ้นรับของรางวัล เช่น บัตรกำนัลจากสตาร์บัคส์, เดอะมอลล์, เทสโก้ โลตัส และรางวัลอื่นๆ อีกจำนวนมาก เมื่อแสดง e-Slip จากการทำรายการผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking เพื่อรับสิทธิ์หมุนวงล้อลุ้นโชค 1 ครั้ง (1 คน ต่อ 1 สิทธิ์)

“ธนาคารกรุงเทพ ยังคงเดินหน้าขยายฐานผู้ใช้งานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างความผูกพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น ผ่านช่องทางที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการได้สัมผัสประสบการณ์ด้าน Digital Experience จากโปรโมชั่นที่มอบให้ โดยเฉพาะในเทศกาลดนตรีอย่าง Cat Expo ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทศกาลดนตรีต้อนรับลมหนาวที่มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่น และได้รับการตอบรับอย่างดีจนสามารถจัดงานได้อย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 แล้ว ซึ่งในปีนี้จำนวนบัตรที่มีกว่า 2.5 หมื่นใบ ก็สามารถจำหน่ายได้ทั้งหมดแล้ว จึงเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

เทศกาลดนตรี Cat Expo 7 ถือเป็นอีกหนึ่ง Music Lover Destination ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 สำหรับในปีนี้ได้รวบรวมศิลปินกว่า 100 ชีวิต ไว้บนเวทีคอนเสิร์ตที่หลากหลายแนวถึง 5 เวที เช่น THE TOYS, STAMP, SCRUBB, SLOT MACHINE, SLUR, BNK48, นนท์ ธนนท์, วี วีโอเล็ต, เจ-มณฑล จิรา, แป้งโกะ, โพลีแคท, สิงโต นำโชค, น้อย วงพรู และศิลปินอีกจำนวนมาก สำหรับผู้มีหัวใจรักเสียงดนตรี ต้องไม่พลาดกับบิ๊กอีเวนต์ทางดนตรีส่งท้ายปี 2020 เตรียมปักหมุด และไปฟินกับความสนุกของคอนเสิร์ต พร้อมรับโปรโมชั่นสุดคุ้มผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking ได้ที่ Wonder World รามอินทรา วันที่ 21 -22 พฤศจิกายน 2563 ตั้งแต่ 15.00 น. เป็นต้นไป

นายพิพัฒน์ อัสสมงคล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 5 จากซ้าย) นางณัฐนก วิชิตธนาฤกษ์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President ผู้จัดการฝ่ายหลักทรัพย์บริการ (ที่ 5 จากขวา) นายขจรศักดิ์ มานะวิริยะกุล เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President ผู้จัดการศูนย์ปฏิบัติการธุรกิจส่งออกและนำเข้า (ที่ 4 จากขวา) และนายพงศ์โภคา พุทธิแพทย์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President ผู้จัดการฝ่ายบริการแลกเปลี่ยนและโอนเงินระหว่างประเทศ (ที่ 4 จากซ้าย) พร้อมพนักงาน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมยินดีในโอกาสธนาคารได้รับมอบ 3 รางวัลยอดเยี่ยมประจำปี 2020 จัดโดย ดิ เอเชี่ยน แบงเกอร์ (The Asian Banker) วารสารด้านการเงินชั้นนำของเอเชีย ประกอบด้วย รางวัลธนาคารที่ให้บริการด้านการค้าระหว่างประเทศที่ดีที่สุดในประเทศไทย (Best Trade Finance Bank in Thailand) เป็นปีที่ 9 รางวัลธนาคารที่ให้บริการรับฝากทรัพย์สินที่ดีที่สุดในประเทศไทย (Custodian Bank of the Year in Thailand) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และรางวัลธนาคารที่ให้บริการด้านการชำระเงินที่ดีที่สุดในประเทศไทย (The Best Payments Bank in Thailand) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 สะท้อนถึงความเป็นธนาคารผู้นำที่ให้บริการที่เป็นเลิศ ด้วยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ บริการที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถให้คำแนะนำและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าทุก Segment ได้อย่างครบวงจรทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะบริการในกลุ่ม Transaction Banking ซึ่งประกอบด้วย บริการ Corporate Cash Management บริการ Trade Finance บริการ Payment และบริการ Securities Service

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นำโดย ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และนางสาวพจณี คงคาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ร่วมให้การต้อนรับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานเปิดงานฯ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประธานร่วมเปิดงานฯ นายสันติ วิริยะรังสฤษฏ์ ประธานจัดงานฯ และนางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฏ์ รองประธานจัดงานฯ โอกาสให้เกียรติร่วมเป็นประธานพิธีเปิดและเยี่ยมชมบูธธนาคารกรุงเทพ ในงานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ ครั้งที่ 10 หรือ Money Expo Hatyai 2020 ระดมหลากหลายผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารและบริษัทพันธมิตร สร้างเส้นทางสู่ความมั่งคั่งอย่างมั่นคง มอบประสบการณ์การเงินยุค New Normal เคียงข้างลูกค้าในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” ร่วมฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารเข้าร่วมงาน Money Expo Hatyai 2020 ภายใต้แนวคิด Bangkok Bank Wealth Journey เส้นทางสู่ความมั่งคั่งอย่างมั่นคงกับธนาคารกรุงเทพ เปิดโอกาสให้ลูกค้าและประชาชนจังหวัดสงขลารวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงในภาคใต้ เข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลาย ตรงความต้องการอย่างครอบคลุม ทั้งการออมเงิน การลงทุน การเข้าถึงสินเชื่อ ไปจนถึงมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากธนาคารกรุงเทพ และบริษัทพันธมิตรชั้นนำได้โดยตรง

สำหรับปีนี้ ธนาคารกรุงเทพนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ ทั้งสินเชื่อ ประกัน บัตรเครดิต บัญชีเงินฝาก ทรัพย์สินพร้อมขาย พร้อมมอบประสบการณ์การเงินแบบสังคมไร้เงินสด ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัล ช่วยให้ผู้บริโภคบริหารจัดการด้านการเงินได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น อาทิ Bangkok Bank Mobile Banking บนระบบงานใหม่ มาพร้อมฟีเจอร์ล่าสุด ถอนเงินไม่ใช้บัตร ตอบสนองความหลากหลายการทำธุรกรรมได้ครบถ้วนขึ้น/ BeMerchant NextGen แอปพลิเคชันรับชำระสินค้าและบริการด้วย QR Code สำหรับร้านค้ายุค New Normal ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ปัจจุบันที่ลูกค้านิยมชำระเงินด้วยระบบดิจิทัล เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างความมั่งคั่ง และรับมือต่อความเสี่ยงในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ครอบคลุมทั้งการออม การลงทุน สินเชื่อ และประกันภัย เช่น กองทุนรวม นำเสนอกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) การลงทุนระยะยาว พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี / บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ บัวหลวงเอ็กซ์ตร้า บัญชีเงินฝากที่ให้ทั้งการออมเงิน และรับความคุ้มครองประกันภัยอุบัติเหตุ / บัตรเครดิต / บัตรบีเฟิสต์สมาร์ท ตอบรับนโยบายสังคมไร้เงินสด ใช้จ่ายปลอดภัย/แบงก์แอสชัวรันส์ / บัวหลวงทรัพย์สินพร้อมขาย และสินเชื่อธุรกิจ SME

ทั้งนี้ ภายในงาน Money Expo Hatyai 2020 ธนาคารยังมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่มาภายในงานด้วย บริการตรวจสุขภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลหาดใหญ่ ฟรี! พร้อมกิจกรรมสะสม e-Stamp เมื่อลงทะเบียนร่วมงานผ่าน QR Code หรือสมัครผลิตภัณฑ์และบริการภายในงาน ช่วยเพิ่ม Digital Experience สอดคล้องกับสถานการณ์ยุค New Normal ในฐานะผู้นำด้าน Digital Payment Solution ของธนาคาร พร้อมสีสันและบรรยากาศแห่งความสนุกสนานภายในบูธ จากโปรโมชั่นและกิจกรรมรับของสมนาคุณพิเศษต่างๆ เช่น

• กระเป๋าผ้า Limited Edition มูลค่า 85 บาท 1 ใบ เมื่อลงทะเบียนผ่าน QR Code และ Add LINE Bangkok Bank Official ภายในงาน พร้อมรับเพิ่มของสมนาคุณพิเศษ เช่น ร่มกันแดด มูลค่า 250 บาท หรือกล่องอเนกประสงค์ มูลค่า 250 บาท เพียงสมัครผลิตภัณฑ์ธนาคารครบตามเงื่อนไขในกิจกรรมสะสม e-Stamp
• บัตรของขวัญ มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตตามเงื่อนไข
• รับกระเป๋า Tote Bag Limited Edition สุดคูล 1 ใบ มูลค่า 195 บาท เมื่อสมัครใช้งาน BeMerchant NextGen
• รับกระเป๋า Blue Bag มูลค่า 390 บาท พร้อมค่าสำรวจและประเมินหลักประกัน มูลค่า 3,210 บาท และค่าธรรมเนียมจัดการสินเชื่อ ฟรี! เมื่อจองทรัพย์สินพร้อมขายภายในงาน
• รับ Rewards เพิ่มพิเศษ จากเทสโก้ โลตัส เมื่อสมัครใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ และกรอกโค้ดพิเศษผ่านแอปพลิเคชันภายในงาน
• รับ Welcome Gift Limited Edition จาก LINE FRIENDS มูลค่า 890 บาท พร้อมคูปองส่วนลด 500 บาททุกเดือน ผ่านแรบบิท ไลน์ เพย์ เมื่อสมัครบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท แรบบิท ไลน์ เพย์
• รับ Eco Bottle 1 ใบ มูลค่า 259 บาท เมื่อสมัครบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น แรบบิท ศิริราช หรือบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น มาสเตอร์การ์ด พร้อมชำระค่าธรรมเนียมภายในงาน

• โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ (Bangkok Bank Mobile Banking)

• บริการบัวหลวงไอแบงก์กิ้ง (Bualuang iBanking)
• บริการบิซ ไอแบงก์กิ้ง (BIZ iBanking)
• บริการตัวแทนธนาคาร (Banking Agent)
• บริการเครื่องบัวหลวงเอทีเอ็ม (ATM) และเครื่องบัวหลวงรับฝากเงินสดอัตโนมัติ (CDM)
• บริการบัตรเดบิตธนาคารกรุงเทพทุกประเภท ไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินได้
• บริการบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพทุกประเภท ไม่สามารถทำธุรกรรมเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าได้ (Cash Advanced)
• บริการบัวหลวงโฟน ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้
• บริการรับเงินโอนจากต่างธนาคารเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ
• บริการ e-Wallet และ MyPromptQR

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และนางสาวพจณี คงคาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ร่วมให้การต้อนรับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานเปิดงานฯ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายวีรพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประธานร่วมเปิดงานฯ นายสันติ วิริยะรังสฤษฏ์ ประธานจัดงานฯ และนางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฏ์ รองประธานจัดงานฯ โอกาสให้เกียรติร่วมเป็นประธานพิธีเปิดและเยี่ยมชมบูธธนาคารกรุงเทพ ในงานมหกรรมการเงินเชียงใหม่ ครั้งที่ 15 หรือ Money Expo Chiangmai 2020 พร้อมระดมหลากหลายผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารและบริษัทพันธมิตร สร้างเส้นทางสู่ความมั่งคั่งอย่างมั่นคง มอบประสบการณ์การเงินยุค New Normal เคียงข้างลูกค้าในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” ร่วมฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารเข้าร่วมงาน Money Expo Chiangmai 2020 ภายใต้แนวคิด Bangkok Bank Wealth Journey เส้นทางสู่ความมั่งคั่งอย่างมั่นคงกับธนาคารกรุงเทพ เปิดโอกาสให้ลูกค้าและประชาชนจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงแถบภาคเหนือเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลาย ตรงกับความต้องการอย่างครอบคลุม ทั้งการออมเงิน การลงทุน การเข้าถึงสินเชื่อ ไปจนถึงมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ช่วงสถานการณ์โควิด 19 จากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากธนาคารกรุงเทพ และบริษัทพันธมิตรชั้นนำได้โดยตรง

สำหรับปีนี้ ธนาคารกรุงเทพนำเสนอหลากหลายผลิตภัณฑ์และบริการ ทั้งสินเชื่อ ประกัน บัตรเครดิต บัญชีเงินฝาก ทรัพย์สินพร้อมขาย พร้อมมอบประสบการณ์การเงินแบบสังคมไร้เงินสด ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัล ช่วยให้ผู้บริโภคบริหารจัดการด้านการเงินได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น อาทิ Bangkok Bank Mobile Banking บนระบบงานใหม่ พร้อมกับฟีเจอร์ล่าสุดที่ทุกคนรอคอยอย่าง ถอนเงินไม่ใช้บัตร ตอบสนองการทำธุรกรรมได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น BeMerchant NextGen แอปพลิเคชันรับชำระสินค้าและบริการด้วย QR Code สำหรับร้านค้ายุค New Normal ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ปัจจุบันที่นิยมการชำระเงินด้วยระบบดิจิทัล เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการสร้างความมั่งคั่ง และรับมือต่อความเสี่ยงในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ครอบคลุมทั้งการออม การลงทุน สินเชื่อ และประกันภัย เช่น กองทุนรวม นำเสนอกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) การลงทุนระยะยาว พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี / บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ บัวหลวงเอ็กซ์ตร้า บัญชีเงินฝากที่ให้ทั้งการออมเงิน และรับความคุ้มครองประกันภัยอุบัติเหตุ / บัตรเครดิต / บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ตอบรับนโยบายสังคมไร้เงินสด ใช้จ่ายปลอดภัย / แบงก์แอสชัวรันส์ / บัวหลวงทรัพย์สินพร้อมขาย และสินเชื่อธุรกิจ SME

ทั้งนี้ ภายในงาน Money Expo Chiangmai 2020 ธนาคารยังมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่มาภายในงาน ด้วยบริการตรวจสุขภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลกรุงเทพ เชียงใหม่ ฟรี! พร้อมต่อยอดกิจกรรมสะสม e-Stamp ด้วยการลงทะเบียนร่วมงานผ่าน QR Code หรือเมื่อสมัครผลิตภัณฑ์และบริการภายในงาน เพื่อช่วยเพิ่ม Digital Experience ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ยุค New Normal ในฐานะผู้นำด้าน Digital Payment Solution ของธนาคาร ขณะที่สีสันและบรรยากาศแห่งความสนุกสนานภายในบูธ จากโปรโมชั่นและกิจกรรมลุ้นรับของสมนาคุณพิเศษก็ยังมีอีกมากมาย เช่น

• กระเป๋าผ้า Limited Edition เมื่อลงทะเบียนผ่าน QR Code และ Add LINE Bangkok Bank Official ภายในงาน พร้อมรับเพิ่มของสมนาคุณพิเศษ เช่น ร่มกันแดด หรือ บัตรของขวัญสตาร์บัคส์ มูลค่า 100 บาท เพียงสมัครผลิตภัณฑ์ธนาคารครบตามเงื่อนไขในกิจกรรมสะสม e-Stamp
• บัตรของขวัญ มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตตามเงื่อนไข
• รับกระเป๋า Tote Bag Limited Edition สุดคูล 1 ใบ มูลค่า 195 บาท เมื่อสมัครใช้งาน BeMerchant NextGen
• รับกระเป๋า Blue Bag มูลค่า 390 บาท พร้อมค่าสำรวจและประเมินหลักประกัน มูลค่า 3,210 บาท และค่าธรรมเนียมจัดการสินเชื่อ ฟรี! เมื่อจองทรัพย์สินพร้อมขายภายในงาน
• รับ Rewards เพิ่มพิเศษ จากเทสโก้ โลตัส เมื่อสมัครใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ และกรอกโค้ดพิเศษผ่านแอปพลิเคชันภายในงาน
• รับ Welcome Gift Limited Edition จาก LINE FRIENDS มูลค่า 890 บาท พร้อมคูปองส่วนลด 500 บาททุกเดือน ผ่านแรบบิท ไลน์ เพย์ เมื่อสมัครบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท แรบบิท ไลน์ เพย์
• รับ Eco Bottle 1 ใบ มูลค่า 259 บาท เมื่อสมัครบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น แรบบิท ศิริราช หรือบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น มาสเตอร์การ์ด พร้อมชำระค่าธรรมเนียมภายในงาน