• Open หรือ การเปิดกว้างสู่ทุกโอกาสด้านการค้าและการลงทุน ส่งเสริมการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคผ่านมุมมองใหม่ที่ได้เรียนรู้จากสถานการณ์โควิด-19 เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ทุกภาคส่วนในสังคม ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งมีความแข็งแกร่งด้านการสนับสนุนบริการทางการเงินครบวงจร ด้วยเครือข่ายสาขาในต่างประเทศที่กว้างขวาง มากกว่า 300 แห่ง ครอบคลุม 14 เขตเศรษฐกิจสำคัญของโลกโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน ที่ธนาคารมีสาขาครอบคลุมถึง 9 ประเทศ จากสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ จึงมีศักยภาพและความพร้อมที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าและธุรกิจต่าง ๆ ที่สนใจเปิดประตูแห่งโอกาสไปสู่ตลาดการลงทุนนอกประเทศ รวมถึงเปิดต้อนรับนักลงทุนจากต่างประเทศที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยและอาเซียนเช่นกัน
• Connect หรือ เชื่อมโยงในทุกมิติเพื่อฟื้นฟูการเดินทางระหว่างกันที่สะดวกและปลอดภัย รวมทั้งเพิ่มความเชื่อมโยงทางดิจิทัล ซึ่งธนาคารกรุงเทพ สามารถต่อยอดธุรกิจหลักในด้านบริการทางการเงินมาสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านระบบชำระเงินข้ามประเทศในระดับภูมิภาค โดยได้ร่วมพัฒนา Cross-Border QR Payment บริการชำระเงินระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนอีก 5 ประเทศ ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และกัมพูชา ให้สามารถชำระค่าสินค้าและบริการแบบข้ามประเทศด้วยสกุลเงินของประเทศตนเองได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ลดความยุ่งยากในการพกพาเงินสด และการแปลงสกุลเงิน ซึ่งโครงการนี้จะช่วยเติมเต็มโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินระหว่างประเทศให้เชื่อมโยงกันได้ทั้ง Ecosystem ภายใต้มาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งภูมิภาค โดยธนาคารกรุงเทพถือเป็นธนาคารรายแรกที่เริ่มต้นให้บริการดังกล่าว พร้อมกับทำหน้าที่เป็น Settlement Bank (ธนาคารที่รับผิดชอบการชำระดุลสำหรับธุรกรรมระหว่างประเทศ) สำหรับการชำระเงินระหว่างไทย-เวียดนาม และไทย-อินโดนีเซีย อีกด้วย
• Balance หรือ ส่งเสริมการเจริญเติบโตที่เน้นสร้างสมดุลในทุกด้านมากกว่าสร้างกำไร ผ่านการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การสร้างความมั่นคงทางอาหารและการเกษตรเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน สอดคล้องเจตนารมณ์ของธนาคารกรุงเทพที่มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ครอบคลุมทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (Environment, Social and Governance – ESG) ที่ผ่านมาธนาคารกรุงเทพนับเป็นสถาบันการเงินที่ให้บริการด้านจัดหาเงินทุนเพื่อสนับสนุนโครงการด้านสิ่งแวดล้อม (Green Finance) ทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเป็นผู้นำการจัดจำหน่ายตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน โดยในปี 2564 ธนาคารได้สนับสนุนองค์กรธุรกิจในประเทศไทยระดมทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนผ่านการจัดจำหน่ายหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (ESG Debentures) ทั้งการออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หุ้นกู้เพื่อพัฒนาสังคม และหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน เป็นมูลค่าประมาณ 37,200 ล้านบาท หรือราว 2 ใน 3 ของมูลค่าการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ดังกล่าวของตลาดทุนไทยรวมที่ 56,700 ล้านบาท ตลอดจนการเป็นผู้นำด้านสินเชื่อเพื่อสนับสนุนโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ลาว จีน และประเทศอื่น ๆ โดยปัจจุบัน สินเชื่อเพื่อพลังงานหมุนเวียนมีสัดส่วนกำลังการผลิตคิดเป็นร้อยละ 27 ของกำลังการผลิตจากสินเชื่อด้านพลังงานโดยรวม และคาดว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ธนาคารยังสนับสนุนโครงการพลังงานเพื่อความยั่งยืนสำคัญ ๆ อีกหลายโครงการ เช่น การพัฒนาพลังงานสะอาดทั่วเอเชีย รวมทั้งธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า และระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน โดยลูกค้าบางรายอยู่ระหว่างการริเริ่มพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) อีกด้วย เช่นเดียวกับในมิติด้านสังคม ซึ่งถือเป็นการตอบแทนกลับสู่สังคมด้วยสำนึกในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ผ่านโครงการเพื่อสังคมต่าง ๆ เช่น โครงการบัวหลวงร่วมชุมชนแก้ภัยแล้ง การอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรมไทย การพัฒนาเยาวชน และการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา ผ่านโครงการจัดประกวด “จิตรกรรมบัวหลวง” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 43 รวมถึงมิติด้านการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ด้วยการจัดทำนโยบายสินเชื่อย่างมีความรับผิดชอบ และคำนึงถึงความเสี่ยงด้าน ESG ในกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่ครอบคลุมทั้งสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อบุคคล

นอกจากบูธกิจกรรมเพื่อให้ข้อมูลความรู้และส่งเสริมภาพลักษณ์ของธนาคารดังกล่าวแล้ว ธนาคารกรุงเทพ ยังได้มีบทบาทด้านการสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพ ด้วยการทำหน้าที่ในฐานะพันธมิตรด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี 2565 และเป็นผู้สนับสนุนงานประชุม APEC Business Advisory Council 2022 หรือ ABAC 2022 และ APEC CEO Summit 2022 ขณะเดียวกัน ยังได้แสดงออกในฐานะตัวแทนคนไทย เพื่อให้การต้อนรับมิตรเขตเศรษฐกิจด้วยรอยยิ้ม โดยการสนับสนุนป้ายต้อนรับขนาด 18 x 200 เมตร บริเวณเส้นทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ อันเป็นเสมือน “ประตู” (Gateway) เข้าสู่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมผู้นำเอเปค

“นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทยที่ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี 2565 และถือเป็นโอกาสที่ดีของธนาคารกรุงเทพที่เป็นหนึ่งในตัวแทนของธุรกิจไทย ที่ได้เป็นตัวแทนต้อนรับผู้แทนจากประเทศสมาชิก และที่สำคัญยังเป็นเวทีแสดงออกถึงศักยภาพด้านธุรกิจสถาบันการเงินของคนไทยที่มีความแข็งแกร่งและสามารถยืนหยัดในฐานะ “ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค” ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ควบคู่ไปกับเจตนารมณ์ของการเป็น “เพื่อนคู่คิด” เคียงข้างลูกค้าและสังคมไทยเสมอมา และจะยังคงเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนในอนาคต” กอบศักดิ์ กล่าว

• บัตรเดบิตบีเฟิสต์ ดิจิทัล ที่จะช่วยให้การใช้จ่ายสนุก ง่าย และปลอดภัย มั่นใจทุกการช้อปออนไลน์ เพียงสมัครง่ายๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพพร้อมรับโปรแรง ทั้งส่วนลด Shopee มูลค่า 300 บาท และสิทธิพิเศษอื่นๆ มากมาย ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 65 – 28 ก.พ. 66
• บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท แรบบิท ไลน์ เพย์ เปิดโหมดสนุก คุ้มได้ไม่หยุด บัตรดีไซน์ใหม่ ที่เพิ่มความน่ารักสดใสของตัวการ์ตูนในธีม Beat & Play สมัครวันนี้ รับฟรี โค้ดส่วนลด LINE MAN 200 บาท ทุกเดือน 5 ต.ค. 65 – 30 ก.ย. 66 และรับเงินคืน 5% สูงสุด 200 บาท กับร้านค้าที่ร่วมรายการ ฟรี ค่าธรรมเนียม รายปี ปีแรก 300 บาท 5 ต.ค. 65 – 31 ธ.ค. 65
• สมัครโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ เป็นครั้งแรกภายในงาน รับ กระเป๋า Be Mobile 1 ใบ มูลค่า 199 บาท
• บัญชีเงินฝาก e–Savings สะดวกทุกเรื่องออม โอน จ่าย ลงทุน ทำผ่านแอปได้ทันที พิเศษเปิดบัญชีเงินฝาก e–Savings และยืนยันตัวตนด้วย Mobile ID ภายในงาน รับกระเป๋า Be Cool 1 ใบ มูลค่า 199 บาท
• บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ มอบอำนาจการใช้จ่ายให้อยู่ในมือคุณ พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมายจากเครือข่ายร้านค้า เมื่อสมัครบัตรเครดิตแอร์เอเชีย ธนาคารกรุงเทพ รับของสมนาคุณพิเศษ 
• BeMerchant NextGen แอปสำหรับร้านค้า เพื่อรับชำระสินค้า/บริการด้วย QR Code ให้การซื้อง่าย ขายคล่อง และรับเงินสะดวก พิเศษ สมัครบริการ BeMerchant NextGen และลงทะเบียนสำเร็จภายในงาน รับ กระเป๋าสุดคูล 1 ใบ มูลค่า 195 บาท

ด้านการสะสมความมั่งคั่งให้ชีวิต ธนาคารกรุงเทพมีบริการที่ปรึกษามืออาชีพ ที่จะช่วยแนะนำลูกค้าที่ต้องการออกแบบหรือวางแผนการสร้างความมั่งคั่งและการวางแผนประกันชีวิต เพื่อให้ตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ รวมทั้งการนำเสนอกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) การลงทุนระยะยาว พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี จาก บลจ.บัวหลวง และบลจ.บางกอกแคปปิตอล ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่มาพร้อมสิทธิพิเศษมากมาย เช่น

• ประกันชีวิต บี ทูเกตเทอร์ หรือ ประกันชีวิต เกนเฟิสต์ เพียงสมัครและชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกภายในงาน รับบัตรของขวัญสตาร์บัคส์ มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท
• ประกันวินาศภัย ที่ร่วมรายการ เพียงสมัครและชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกภายในงาน รับ บัตรของขวัญ โลตัส มูลค่าสูงสุด 500 บาท
• บริการบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ จากหลักทรัพย์บัวหลวง รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ เมื่อสมัครเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับ หลักทรัพย์บัวหลวง ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ หรือสาขาธนาคาร
• บี ทูเกตเทอร์ เซฟพลัส ลิงค์ ประกันชีวิตควบการลงทุน ช่วยให้ทุกเป้าหมายที่ออกแบบเป็นไปได้จริง พร้อมรับโบนัสเพิ่มเงินออมสูงถึง 12% ของค่าเบี้ยประกันภัยปีแรกเมื่อชำระเบี้ยครบกำหนด และยังสบายใจกับรูปแบบการจ่ายเบี้ยประกันเพียง 8 ปี วางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มโอกาสสะสมความมั่งคั่งจากเงินลงทุนในกองทุนรวมได้มากยิ่งขึ้นด้วย
• สินเชื่อบ้านบัวหลวง พิเศษ รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เมื่อลงทะเบียนจองสิทธิภายในงาน และรับเพิ่ม กระเป๋าผ้า Home Loan 1 ใบ มูลค่า 179 บาท เมื่อสมัครสินเชื่อพร้อมยื่นเอกสารประกอบคำขอ 3 รายการ

“จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั่วโลก ทั้งด้านสุขภาพ สังคมและเศรษฐกิจ ทำให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญและหันมาใส่ใจเรื่องของสุขภาพกาย สุขภาพใจ และสุขภาพทางการเงินมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อให้พร้อมรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ธนาคารกรุงเทพในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” จึงพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดี หรือ Financial Wellness ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ และสอดรับกับบริบทในการใช้ชีวิตแบบปกติวิถีใหม่ เพื่อให้พี่น้องภาคเหนือได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน รวมทั้งยังสามารถวางแผนสะสมความมั่งคั่งทางการเงินได้ในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ” นายทวีลาภ กล่าว

สำหรับผู้สนใจขอขอรับคำปรึกษาด้านการเงินและการลงทุน ตลอดจนสมัครบริการต่างๆ พร้อมรับโปรโมชันพิเศษได้ที่บูธธนาคารกรุงเทพ ภายในงานมหกรรมการเงินเชียงใหม่ ครั้งที่ 17 หรือ Money Expo Chiangmai 2022 ระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2565 ณ เชียงใหม่ ฮอลล์ เซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนปี 2565 จำนวน 21,736 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.7 จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินให้สินเชื่อตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.28 สอดคล้องกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยและการบริหารจัดการสภาพคล่องของธนาคาร สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงร้อยละ 21.8 ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงินซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจากธุรกิจหลักทรัพย์ ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อและบริการการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 จากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 49.0 ทั้งนี้ ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 24,733 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังในการตั้งสำรอง โดยพิจารณาความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า

ธนาคารกรุงเทพยังคงดำรงฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,796,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 จากสิ้นปี 2564 โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ที่ร้อยละ 3.5 ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 240.1

ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 จำนวน 3,165,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 จากสิ้นปี 2564 และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 88.4  ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ร้อยละ 18.5 ร้อยละ 15.2 และร้อยละ 14.4 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

• ต่อที่ 1 ฟรี! ค่าธรรมเนียมรายปี ในปีแรก (จากปกติ 300 บาท) ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2565 ถึง 31 ธันวาคม 2565 นี้เท่านั้น
• ต่อที่ 2 รับโค้ดส่วนลดสำหรับการใช้บริการ LINE MAN มูลค่ารวม 200 บาท ทุกเดือน เมื่อสมัครบัตร ภายในเดือนตุลาคม 2565 – กันยายน 2566 (สิทธิมีจำนวนจำกัด)
• ต่อที่ 3 รับเงินคืน 5% ทุกเดือน สูงสุด 200 บาท/เดือน เพียงมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรในระหว่างเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2565 ณ ร้านค้าออนไลน์ที่ร่วมรายการ ไม่ว่าจะเป็น Air Asia, Agoda, Booking.com, Central Online, Monline.com, Spotify, Netflix, Grab Food และ Dolfin Wallet (จำกัด 15,000 สิทธิตลอดระยะเวลาโปรโมชั่น)

นายโชค กล่าวอีกว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าว ได้รับความร่วมมือที่ดียิ่งจาก “แรบบิท ไลน์ เพย์” พันธมิตรธุรกิจ e-Wallet ที่มีประสบการณ์ การเชื่อมต่อกับบริการต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มของ LINE เช่น LINE Shopping, LINE Man, LINE Sticker และ LINE Melody ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตของผู้ใช้งานอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันธนาคารยังได้รับความร่วมมือจาก UnionPay ซึ่งให้บริการเครือข่ายระบบชำระเงินที่มีประสิทธิภาพสูงและพัฒนาเทคโนโลยีบัตรอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้จะเป็นการออกบัตรพลาสติกที่มีฟังก์ชั่น Contactless การชำระเงินด้วยการแตะบัตร และออกบริการบัตรบีเฟิสต์ ดิจิทัล แรบบิท ไลน์ เพย์ เครือข่าย ทีพีเอ็น ยูเนี่ยนเพย์ รูปแบบ Virtual Card เป็นครั้งแรกได้บนโมบายแบงก์กิ้งจากธนาคารกรุงเทพ นับว่าเป็นความร่วมมือที่มาช่วยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าในยุคดิจิทัล เพิ่มความมั่นใจ ความปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ยิ่งขึ้น และเมื่อเร็วๆนี้ บริการ “บัตรบีเฟิสต์ ดิจิทัล ของธนาคารกรุงเทพ” ยังได้รับรางวัล ‘Most Innovative Debit Card Offering Thailand 2022’ จากการประกาศรางวัลในเดือนกันยายน 2565 โดย World Economic Magazine นิตยสารออนไลน์ด้านธุรกิจของสหรัฐอเมริกามาด้วย

“ธนาคารตั้งเป้าหมายว่าจะขายบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท แรบบิท ไลน์ เพย์ และบัตรบีเฟิสต์ ดิจิทัล แรบบิท ไลน์ เพย์ จำนวนจำกัดเพียง 1 ล้านบัตร โดยจะเริ่มเปิดขายบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท แรบบิท ไลน์ เพย์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ในวันที่ 5 ตุลาคม 2565 และเริ่มเปิดขายบัตรบีเฟิสต์ ดิจิทัล แรบบิท ไลน์ เพย์ ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป โดยเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์นี้จะยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เพราะเริ่มต้นพัฒนาจากความต้องการของลูกค้า ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากพันธมิตรที่แข็งแกร่ง จนสามารถพัฒนาขึ้นมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ลูกค้าในปัจจุบันได้อย่างตรงใจ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล เพื่อเริ่มต้นการเป็น “เพื่อนคู่คิด” ที่พร้อมเติบโตไปด้วยกันในอนาคตระยะยาว” นายโชค กล่าวสรุป

นายวิทยา โตโพธิ์ยศสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท แรบบิท-ไลน์ เพย์ จำกัด กล่าวว่า จากแคมเปญบัตรเดบิตโคแบรนด์ในครั้งที่ผ่านมา ทำให้มีการขยายฐานลูกค้า พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ลูกค้าทั่วประเทศได้รับสิทธิพิเศษจากการใช้ บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท แรบบิท ไลน์ เพย์ ที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่มีการซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์ และออฟไลน์ได้เป็นอย่างดี

โดยปัจจุบันแรบบิท ไลน์ เพย์ มีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 9 ล้านคนโดยเติบโตขึ้น 13% จากปีที่ผ่านมา นอกจากบริการนี้ เรายังอยู่บนฐานความแข็งแกร่งของ LINE Family แพลตฟอร์มยอดนิยมของคนไทยที่มีจำนวนผู้ใช้งานปัจจุบันสูงถึง 55 ล้านคน

ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้การชำระเงินแบบ Contactless Payment ได้รับความนิยมและมีบทบาทสำคัญ ลูกค้าแรบบิท ไลน์ เพย์ใช้บัตรที่ผูกไว้กับบัญชีซื้อสินค้าและบริการที่ร้านค้าได้มากกว่า 300,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ทั้งนี้เราพบว่าบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการสั่งอาหารผ่าน LINE MAN

นายวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทางแรบบิท ไลน์ เพย์ เพิ่มความสะดวกสบายในการสมัครบัตรฯ บัตรบีเฟิสต์ ดิจิทัล แรบบิท ไลน์ เพย์ ผ่านไอคอนบนแอป LINE ด้วยบัตรฯดีไซน์ใหม่ที่เพิ่มความน่ารักสดใสของ LINE FRIENDS character เราหวังว่าบัตรฯนี้จะเป็นที่ชื่นชอบและตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่ และเป็นส่วนสำคัญในการขยายฐานลูกค้าของพันธมิตรทั้งสองฝ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ลูกค้าและผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท แรบบิท ไลน์ เพย์” และ “บัตรบีเฟิสต์ ดิจิทัล แรบบิท ไลน์ เพย์” ดีไซน์ใหม่ ได้ที่ https://www.bangkokbank.com/th-TH/Personal/Cards/Be1st-Smart-Card/Be1st-Rabbit-LINE-Pay หรือสอบถามบัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0 2645 5555

• สมัครโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ เป็นครั้งแรกภายในงาน รับกระเป๋า BeMobile พร้อมหน้ากากผ้า 1 ชุด มูลค่า 358 บาท
• บัญชีเงินฝาก e–Savings สะดวกทุกเรื่องออม โอน จ่าย ลงทุน เพียงเปิดบัญชีเงินฝาก e–Savings และยืนยันตัวตนด้วย Mobile ID ภายในงาน รับ Shopping Bag 1 ใบ มูลค่า 199 บาท
• บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ รับสิทธิพิเศษมากมายจากเครือข่ายร้านค้า พิเศษ สมัครบัตรเครดิตแอร์เอเชีย ธนาคารกรุงเทพ รับของสมนาคุณพิเศษ
• BeMerchant NextGen แอปสำหรับร้านค้า เพื่อรับชำระสินค้า/บริการด้วย QR Code ให้การซื้อง่าย ขายคล่อง และรับเงินสะดวก พิเศษ สมัครบริการ BeMerchant NextGen และลงทะเบียนสำเร็จภายในงาน รับ กระเป๋าสุดคูล 1 ใบ มูลค่า 195 บาท
• สินเชื่อบ้านบัวหลวง อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เมื่อลงทะเบียนจองสิทธิภายในงาน และรับเพิ่มกระเป๋าผ้า Home Loan 1 ใบ มูลค่า 179 บาท เมื่อสมัครสินเชื่อพร้อมยื่นเอกสารประกอบคำขอ 3 รายการ

ด้านผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่งคั่งที่ลูกค้าสามารถออกแบบเองได้ตามความต้องการ โดยมุ่งเน้นการให้คำแนะนำรวมถึงการวางแผนทางการเงินอย่างมืออาชีพ นำเสนอกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) การลงทุนระยะยาว พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี จาก บลจ.บัวหลวง และบลจ.บางกอกแคปปิตอล พร้อมด้วยโปรโมชันพิเศษสำหรับผลิตภัณฑ์ด้านการบริหารความมั่งคั่ง เช่น

• สมัครประกันชีวิต บี ทูเกตเทอร์ หรือสมัครประกันชีวิต เกนเฟิสต์ และชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกภายในงาน รับบัตรของขวัญสตาร์บัคส์ มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท
• สมัครประกันวินาศภัยที่ร่วมรายการ และชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกภายในงาน รับบัตรของขวัญโลตัสมูลค่าสูงสุด 500 บาท
• บริการแนะนำเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ จาก บมจ. หลักทรัพย์ บัวหลวง รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ เมื่อสมัครเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับ หลักทรัพย์บัวหลวง ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ หรือสาขาธนาคาร

นายทวีลาภ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าร่วมมหกรรมการเงินซึ่งทยอยจัดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่ธนาคารกรุงเทพ ตั้งใจนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้เข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น เพื่อร่วมสร้างความมั่งคั่งให้แก่ลูกค้าได้ในระยะยาว โดยธนาคารได้สนับสนุนแนวคิดการก้าวสู่อนาคตอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยนำโครงสร้างหลักของบูธ Money Expo กรุงเทพฯ มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับพื้นที่จัดงานในจังหวัดต่าง ๆ ลดการใช้โครงสร้างแบบครั้งเดียวแล้วทิ้ง มุ่งสู่การสร้าง Zero Waste ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคุณค่าของการเติบโตอย่างยั่งยืนที่ธนาคารให้ความสำคัญและช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ความเป็นธนาคารชั้นนำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

“ธนาคารกรุงเทพมีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบสุขภาพทางการเงินที่ดี หรือ Financial Wellness ให้แก่พี่น้องชาวอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียง ภายในงานมหกรรมการเงินอุดรธานี ครั้งที่ 9 ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ถูกออกแบบมาอย่างเข้าใจและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงใจ รวมถึงกิจกรรมพิเศษจาก ‘บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์’ ซึ่งเชื่อมั่นว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้สนใจให้สามารถไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของตนเองได้ นับเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็น ‘เพื่อนคู่คิด’ ที่พร้อมเคียงข้างและแนะนำข้อมูลความรู้ ประสบการณ์ และบริการทางการเงินแก่ลูกค้า เพื่อสร้างความมั่งคั่งและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุก ๆ ด้าน อย่างยั่งยืน” นายทวีลาภ กล่าว

ธนาคารขอเชิญชวนลูกค้าและผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมงานครั้งนี้ได้แบบ New Normal ทั้งจากช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของผู้จัดงาน www.moneyexpoonline.com หรือขอรับคำปรึกษาด้านการเงินและการลงทุน ตลอดจนสมัครบริการต่างๆ พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษได้ที่บูธธนาคารกรุงเทพ ภายในงานมหกรรมการเงิน อุดรธานี ครั้งที่ 9 (Money Expo Udonthani 2022) ระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 ณ อุดรธานี ฮอลล์ ชั้น 4 เซ็นทรัลพลาซา อุดรธานี

เสริมความแกร่ง-นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และนายอภิวัฒน์ ปุณโณปกรณ์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายการประชาสัมพันธ์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ส่งมอบหนังสือ “ท้องถิ่น อินเตอร์” จำนวน 1,200 เล่ม แก่นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และนายวรงค์ แสงเมือง ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน เพื่อร่วมส่งต่อองค์ความรู้ด้านการพัฒนา ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ในสังกัดกรมการพัฒนาชุมชน โดยเฉพาะแนวคิดการพัฒนากลยุทธ์การตลาดให้เกิดการยกระดับ มีมาตรฐานแบบบูรณาการ สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของธนาคารในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” ที่พร้อมเดินเคียงข้างและเติบโตไปด้วยกัน ณ กรมการพัฒนาชุมชน ชั้น 5 อาคารรัฐประศาสภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

ธนาคารกรุงเทพ ได้จัดทำหนังสือ “ท้องถิ่น อินเตอร์” โดยรวบรวมองค์ความรู้ต่าง ๆ จากเนื้อหาในรายการ “คาราวานสำราญใจ เที่ยวไปในชุมชน” ซึ่งเป็นรายการที่ธนาคารกรุงเทพให้การสนับสนุน เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของชุมชนกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ ผ่านหลากหลายมิติ ทั้งการท่องเที่ยว วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ทักษะและภูมิปัญญา ที่สะท้อนผ่านผลิตภัณฑ์และบริการของชุมชน โดยการถอดบทเรียนไอเดียดี สินค้าเด็ดจากภูมิปัญญา พร้อมชูเสน่ห์อัตลักษณ์ และตัวอย่างความสำเร็จ ในรูปแบบของ “แบรนด์ชุมชน” ที่เติบโตได้อย่างยั่งยืน เพื่อเป็นแนวทางแห่งความสำเร็จและการพัฒนาชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ให้มีประสิทธิภาพและพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่อไป ทั้งนี้ ท่านสามารถดาวน์โหลด หนังสือ “ท้องถิ่น อินเตอร์” ในรูปแบบ E -Book ได้ฟรี ที่เว็บไซต์ www.bangkokbank.com/LocaltoGlobalBook/index.html

ธนาคารกรุงเทพ ร่วมออกบูธในงาน Sustainability Expo 2022 ระหว่าง 26 ก.ย. – 2 ต.ค. 65 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชูแนวคิด ‘สรรค์สร้างคุณค่าสู่อนาคตที่ยั่งยืน’ ฉายภาพโครงการ-กิจกรรมเด่น มุ่งหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน 5 มิติ ตอบโจทย์การสร้างสมดุลทั้งการสร้างธุรกิจ ดูแลลูกค้า และรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมจับมือลูกค้าเอสเอ็มอีร่วมโชว์เคสความสำเร็จที่จับต้องได้ ย้ำจุดยืน ‘เพื่อนคู่คิด’ เติบโตเคียงข้างลูกค้าอย่างยั่งยืน

นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพได้ร่วมสร้างสรรค์บูธกิจกรรมภายในงาน Sustainability Expo 2022 หรือ ‘SX 2022’ ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 26 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อนำเสนอผลงานและโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเป้าหมายการดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นนโยบายการเติบโตที่สำคัญของธนาคาร โดยบูธกิจกรรมดังกล่าวจะนำเสนอแนวคิด ‘Creating Value for a Sustainable Future’ หรือ ‘สรรค์สร้างคุณค่าสู่อนาคตที่ยั่งยืน’ ซึ่งประกอบด้วยความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืนทั้ง 5 มิติ ได้แก่

1. Be Responsible-การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ นับเป็นประเด็นสำคัญที่ผสมผสานแนวคิดความยั่งยืนเข้ามาอยู่ในกระบวนการดำเนินธุรกิจอย่างแท้จริง ผ่านการสนับสนุนเครื่องมือทางการเงินรูปแบบต่าง ๆ ให้แก่โครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำโดยบทบาทการเป็นผู้นำด้านรับประกันการจัดจำหน่ายตราสารหนี้เพื่อการลงทุนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้ง Green Bond, Social Bond และ Sustainable Bond หรือ Sustainability-linked Bond ซึ่งในปี 2564 ธนาคารเป็นผู้รับประกันการจำหน่ายตราสารกลุ่มดังกล่าวสูงถึงประมาณ 66% ของยอดออกตราสาร นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อที่สนับสนุนการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด สินเชื่อบัวหลวงกรีน โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และสินเชื่อเพื่อการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป
2. Be Resilient- การรับมือกับภาวะวิกฤต เป็นมิติที่สอดคล้องกับบทบาทของธนาคารที่ต้องการเป็น ‘เพื่อนคู่คิด’ ที่พร้อมเคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์ โดยในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งธนาคารได้จัดสรรมาตรการช่วยเหลือลูกค้าอย่างเต็มที่ ทั้งส่วนที่เป็นมาตรการเฉพาะของธนาคารกรุงเทพ ซึ่งปรับใช้ให้สอดคล้องกับความต้องการความช่วยเหลือเป็นรายกรณี และดูแลทั้งระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว โดยใช้สภาพคล่องของธนาคารเข้ามาดำเนินการ และขณะเดียวกันยังสนับสนุนภาครัฐ ภายใต้มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนและหนี้ SME ด้วยเช่นกัน
3. Be Caring-การใส่ใจดูแลสังคม ซึ่งเป็นการดูแลสังคมด้วยสำนึกในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ผ่านโครงการเพื่อสังคมต่าง ๆ เช่น โครงการบัวหลวงร่วมชุมชนแก้ภัยแล้ง การอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรมไทย การพัฒนาเยาวชน และการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา
4. Be Customer Centric-การให้บริการที่ยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เป็นมิติความยั่งยืนที่ผสมผสานกับมุมมองด้านการตลาด โดยตั้งต้นจากการทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะพัฒนาบริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา โครงการสำคัญคือ บริการ Cross-border QR Payment ที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการโมบายแบงก์กิ้งจากธนาคารกรุงเทพ สามารถชำระเงินค่าสินค้าและบริการ ด้วยการสแกน QR Code ณ ร้านค้าในต่างประเทศ ขณะที่ร้านค้าในประเทศไทยก็สามารถรับเงินผ่าน PromptPay QR ได้โดยไม่ต้องใช้เงินสดและแลกเปลี่ยนเงินตรา ปัจจุบันเริ่มให้บริการนี้ระหว่างประเทศไทยกับหลายประเทศในอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และล่าสุดคือ กัมพูชา
5. Be Ethical-การดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ถือเป็นหัวใจของการบริหารธุรกิจด้านการเงินที่อิงอยู่บนความเชื่อถือไว้วางใจจากลูกค้าเป็นสำคัญ โครงการสำคัญคือ การจัดทำนโยบายสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ และคำนึงถึงความเสี่ยงในด้าน ESG (Environment, Social, Governance) ในกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่ครอบคลุมทั้งสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อบุคคล

• การเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีดิจิทัล ที่ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความสะดวกสบายและเพิ่มประสิทธิภาพของการทำธุรกิจ ขณะเดียวกัน หลายบริษัทกำลังเผชิญกับปัญหาการทุจริตทางดิจิทัลและอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกระบวนการทำงานที่สอดคล้องกัน เพื่อช่วยจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ดีขึ้น
• การจัดการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ จะไม่ใช่เพียงปัญหาด้านไอที หากแต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันที่ต้องเชื่อมโยง ตั้งแต่ระดับหน่วยงานต่าง ๆ ภายในองค์กร ระหว่างองค์กร ไปจนถึงระหว่างภาคอุตสาหกรรม ที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลของประเทศไทยร่วมกัน
• บุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในด้านนี้อย่างจริงจังและเท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลงของภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ 2 ประเด็นแรกประสบความสำเร็จได้

“การประชุม TB-CERT Cyber Security Annual Conference 2022 ในครั้งนี้ อาจเป็นการประชุมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคการเงิน และเราได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ จากองค์กรชั้นนำที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์ระหว่างกัน เพื่อสร้างทักษะและเครือข่ายของผู้มีความรู้ความสามารถด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ขณะเดียวกัน การประชุมในครั้งนี้ยังได้ขยายเครือข่ายไปสู่หน่วยงานต่าง ๆ ที่หลากหลายเพิ่มขึ้น เช่น หน่วยงานป้องกันประเทศ อุตสาหกรรมพลังงาน และอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าเราจะร่วมกันสร้างความตระหนักของประชาชนและผู้เกี่ยวข้องให้สามารถปรับตัวพร้อมรับกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ และร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อดูแลด้านความปลอดภัยในเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยกันต่อไป” นายชาติศิริ กล่าว