ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะ Main Sponsor ร่วมสนับสนุนงาน “FU ME Fest 2 มันส์ทะลุจอ” เฟสติวัลแห่งปีสำหรับชาวคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เพราะรวบรวมเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังและศิลปินมากกว่า 100 ชีวิต โอกาสนี้ ธนาคารได้จัดกิจกรรมพิเศษสำหรับลูกค้า ‘โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ’ ลุ้นรับบัตรเข้างานฟรี! เพียงร่วมกิจกรรม ‘Top Friends Get Friends’ ชวนเพื่อนสมัคร ‘โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ’ มากสุด 5 อันดับแรก รับฟรีบัตร JOY CON มูลค่าใบละ 2,350 บาท พร้อมเสื้อฟอร์มวง โดยสามารถเข้าร่วมได้ทุกโซนกิจกรรม ได้แก่ โซน FU ME MARKET ศูนย์รวมสินค้า Rare Item จากอินฟลูฯ ที่ชื่นชอบ, โซน FU ME PHOTO BOOTH ถ่ายรูปแบบใกล้ชิดพร้อมเซอร์ไพรส์พิเศษจากเหล่าอินฟลูฯ, โซน FU ME TALK & PODCAST ฟังแบบใกล้ชิดฮาทุกขีดจำกัด และร่วมมันส์กับคอนเสิร์ตฟอร์มวงเฉพาะกิจ ใน HALL แบบครบรสจากอินฟลูฯ และศิลปิน พร้อมลุ้นรับของขวัญพิเศษจากเหล่าอินฟลูฯ ในทุกโซนกิจกรรม

แฟนคลับที่สนใจร่วมกิจกรรม! ‘Top Friends Get Friends’ เพียงชวนเพื่อนสมัครใช้แอปพลิเคชัน ‘โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ’ ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2568 เพื่อลุ้นรับบัตร JOY CON ตามขั้นตอนดังนี้

1. ผู้ร่วมกิจกรรมจะต้องกด “แลกรับสิทธิ” เพื่อลงทะเบียนรับสิทธิเข้าร่วมกิจกรรม ที่เมนู “รีวอร์ด” บนโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ
2. ชวนเพื่อนมาสมัครใช้งานโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ พร้อมให้เพื่อนกรอกรหัสผู้แนะนำของผู้ร่วมกิจกรรม (ดูรหัสแนะนำของตนเองได้ที่หน้า “ฉัน” ในเมนู “รีวอร์ด”) ในช่อง “กรอกรหัสสำหรับสมาชิกใหม่” และกดยืนยันให้ถูกต้อง (ลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยสมัครโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพมาก่อน)
3. ระบบจะนับคะแนนจากผู้ที่กรอกรหัสสำเร็จตามเงื่อนไข โดยผู้ที่แนะนำเพื่อนใหม่สำเร็จในช่วงระยะเวลากิจกรรม สูงสุด 5 อันดับแรก ตามกติกาที่กำหนด จะได้รับบัตร JOY CON มูลค่า 2,350 บาท จำนวนท่านละ 1 ใบ สำหรับเข้างาน 1 วัน (สามารถเลือกวันเข้างานได้) พร้อมเสื้อฟอร์มวง 1 ตัว

ธนาคารกรุงเทพยกระดับประสบการณ์ชำระเงินยุคดิจิทัล ผ่านร้านค้าทั่วประเทศ เปิดตัว “ Bangkok Bank Merchant Pro” หรือ “Merchant Pro” แอปพลิเคชันรับเงินผ่าน QR Code พร้อมฟีเจอร์จัดเต็ม ใช้งานได้ทั้งโมบายแบงก์กิ้งของไทยและต่างชาติ สะดวกยิ่งขึ้นเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารกรุงเทพได้ไร้รอยต่อ ช่วยร้านค้ารับเงินไว จัดการยอดขายอย่างมืออาชีพ ครบ จบ ในแอปฯเดียว ชวนผู้ใช้ “BeMerchant NextGen” ย้ายมาแอปฯใหม่ได้ทันที สะดวกไม่ต้องเปลี่ยน QR Code รับเงิน เริ่มเปิดให้ดาวน์โหลดได้พร้อมกัน 1 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ย้ำบทบาท “เพื่อนคู่คิด” ร่วมยกระดับบริการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ ก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแข็งแกร่ง

นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริการด้านการเงินเพื่ออำนวยความสะดวกและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีด้านการชำระเงินในยุคปัจจุบัน โดยล่าสุดได้เปิดให้บริการแอปพลิเคชัน “Merchant Pro” เพื่อตอบโจทย์สำหรับร้านค้าต่างๆ ให้สามารถรองรับการชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัลได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่อัดแน่นทั้งด้านการชำระเงิน และการจัดการรายการสินค้าต่างๆ ภายในร้านได้

สำหรับแอปฯ “Merchant Pro” มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยให้ธุรกรรมการรับชำระเงินสะดวกมากยิ่งขึ้นสำหรับร้านค้า ดังนี้

• ใช้งานง่ายและปลอดภัย สามารถเข้าใช้งานแอปฯ ได้ด้วยเบอร์มือถือ รหัสผ่าน และการสแกนใบหน้าหรือลายนิ้วมือ 
• มีข้อมูลสรุปแบบเรียลไทม์ ผ่าน Dashboard ที่แสดงยอดขายได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังดูรายการสรุปยอดรายวัน แยกตามช่องทางรับเงินได้ทันที 
• จัดการสินค้าได้ภายในแอป ช่วยเพิ่มความสะดวกและความชัดเจนให้แก่ร้านค้าทั้งการใส่รูปสินค้า ตั้งราคา เมนูตะกร้าสินค้า และสร้าง QR Code สำหรับชำระเงินแบบแยกรายตะกร้าสินค้า 
• สะดวกแม้ร้านค้าที่มีหลายสาขา ซึ่งอาจมีพนักงานรับเงินหลายคนก็สามารถรับเงินแทนกันได้ไม่จำกัด 
• แจ้งเตือนทุกยอดชำระ ด้วยเสียงเอฟเฟกต์แจ้งเตือนแบบใหม่ ที่แจ้งยอดเงินเข้าบัญชีในทันที จึงมั่นใจได้ทุกรายการรับชำระเงิน
• รองรับการชำระเงินข้ามพรมแดน ทั้งการชำระผ่านระบบ PromptPay, Visa, Mastercard, UnionPay, Alipay+ และ WeChat Pay จึงสะดวกทั้งลูกค้าที่ใช้ระบบโมบายแบงก์กิ้งของไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้บริการ Cross-Border QR Payment
• สรุปยอดขายแต่ละวัน แบบอัตโนมัติรอบเวลา 23.00 น. โดยจะโอนเงินเข้าบัญชีในวันถัดไป

นายโชค กล่าวอีกว่า ผู้ประกอบการรายใหม่ที่สนใจใช้บริการรับชำระเงินผ่านแอปฯ “Merchant Pro” สามารถสมัครได้ง่ายในไม่กี่ขั้นตอน เพียงดาวน์โหลดได้ผ่าน App Store หรือ Google Play ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป และเริ่มต้นใช้งานได้ทันทีโดยใช้แอปฯ “โมบายแบงก์กิ้งของธนาคารกรุงเทพ” สำหรับยืนยันตัวตน

สำหรับร้านค้าปัจจุบันที่ใช้บริการรับชำระเงินผ่านแอปฯ BeMerchant NextGen สามารถย้ายมาใช้แอปฯ “Merchant Pro” ได้ เพียงดาวน์โหลดแอปฯ กดเลือกคำสั่ง “ย้ายข้อมูลทันที” และทำตามขั้นตอนที่กำหนดก็จะสามารถเปลี่ยนมาใช้งานบนแอปฯ ใหม่ทันที โดยสามารถใช้ป้าย QR Code เดิมรับชำระเงินได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องเปลี่ยนป้ายใหม่แต่อย่างใด จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับชำระเงินไม่อย่างราบรื่น ไม่สะดุด ทั้งนี้ แอปฯ BeMerchant NextGen จะเปิดให้เข้าใช้งานได้จนถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2568 เท่านั้น

“ธนาคารกรุงเทพมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ทันสมัย เพื่อยกระดับศักยภาพของร้านค้าทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กหรือธุรกิจที่กำลังเติบโต ให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการรับชำระเงินได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ โดยมั่นใจว่าการเปิดตัว “Merchant Pro” ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ที่พร้อมเคียงข้างและสนับสนุนผู้ประกอบการให้เติบโตได้ในระยะยาว ตลอดจนมีส่วนร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างแข็งแกร่ง” นายโชคกล่าว

ธนาคารกรุงเทพร่วมลงนาม MOU โครงการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำของประกันสังคม วงเงิน 3,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงที่ 2.35%-4.75% ต่อปี หวังช่วยผู้ประกอบการกัดฟันสู้สถานการณ์ค่าแรงพุ่ง ย้ำเงื่อนไขต้องรักษาจำนวนลูกจ้างไม่น้อยกว่า 80% ชูความเป็น ‘เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน’ เคียงข้างผู้ประกอบการและสังคมไทยในทุกสถานการณ์

นายศิริเดช เอื้องอุดมสิน รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพได้เข้าร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับสำนักงานประกันสังคม สนับสนุน “โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน” ระยะที่ 3 (พ.ศ.2568-2569) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่กำลังเผชิญความท้าทายจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งธนาคารได้รับการจัดสรรวงเงินปล่อยสินเชื่อรวม 3,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงินทั้งโครงการที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งระดับวงเงินสินเชื่อตามขนาดธุรกิจ ดังนี้

• วงเงิน 15 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการที่มีลูกจ้างไม่เกิน 200 คน
• วงเงิน 30 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการที่มีลูกจ้าง 201-500 คน
• วงเงิน 50 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการที่มีลูกจ้างเกิน 500 คนขึ้นไป

สินเชื่อมีระยะเวลาชำระคืนไม่เกิน 3 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ โดยผู้ประกอบการต้องรักษาจำนวนลูกจ้างไม่น้อยกว่า 80% ตลอดอายุโครงการ

• อัตราดอกเบี้ย 2.35% ต่อปี (คงที่ 3 ปี) สำหรับผู้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
• อัตราดอกเบี้ย 4.75% ต่อปี (คงที่ 3 ปี) สำหรับผู้ไม่มีหลักทรัพย์ แต่ใช้การค้ำประกันโดยบุคคล นิติบุคคล หรือ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
  
  ทั้งนี้ ธนาคารสงวนสิทธิในการพิจารณาสินเชื่อ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของธนาคาร

“ธนาคารเชื่อมั่นว่า โครงการนี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาระดับการจ้างงานและเสริมสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ธุรกิจเริ่มฟื้นตัวและต้องการแรงงานเพื่อขับเคลื่อนการผลิตให้ทันต่อความต้องการตลาด ขณะเดียวกันยังช่วยให้ลูกจ้างมีรายได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลโดยตรงต่อความมั่นคงของครอบครัว ลดความเสี่ยงด้านสังคม และทำให้ภาคการบริโภคยังคงเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว และถือเป็นหนึ่งในความตั้งใจของธนาคารกรุงเทพในฐานะ ‘เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน’ ที่พร้อมเคียงข้างผู้ประกอบการและสังคมไทยในทุกสถานการณ์” นายศิริเดชกล่าว

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ในระยะที่ 2 มาก่อนและครบอายุโครงการแล้ว โดยสามารถปล่อยกู้ได้เต็มวงเงินที่ได้รับจัดสรรจำนวน 2,000 ล้านบาท มีลูกค้าผู้ประกอบการได้รับประโยชน์กว่า 400 ราย นอกจากนี้ ธนาคารกรุงเทพยังคงเดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการทุกขนาด ผ่านมาตรการสินเชื่อภาครัฐ อาทิ Soft Loan สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือภัยธรรมชาติ รวมถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน อาทิ สินเชื่อ Supply Chain สินเชื่อบัวหลวงเพื่อการปรับตัวธุรกิจ และสินเชื่อบัวหลวงกรีนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

สำหรับลูกค้าผู้ประกอบการผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและขอใช้สินเชื่อ “โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน” ระยะที่ 3 ได้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่สำนักธุรกิจที่ดูแลท่าน ธนาคารกรุงเทพทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.bangkokbank.com หรือบัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0 2645 5555

เพื่อนคู่คิดลงทุนสร้างสุข-ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท และ นางสาวพจณี คงคาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ เยี่ยมชมบูธนิทรรศการ ‘Happy Life by การเงินธนาคาร และธนาคารกรุงเทพ’ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในงาน Money Expo 2025 ที่แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานของงานศิลปะกับกิจกรรมทางการเงิน ภายใต้แนวคิด ‘ศิลปะสร้างสุนทรียภาพและความสุข’ โดยธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ ‘เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน’ ร่วมให้การสนับสนุนจัดบูธนิทรรศการนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนสร้างความสุข เคียงคู่การลงทุนด้านการเงินเพื่อสร้างความยั่งยืน สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของธนาคารที่มุ่งสร้างสรรค์ความมั่นคง มั่งคั่งให้แก่ลูกค้าในทุกมิติมาตลอด 80 ปี โดยมี ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะผู้อำนวยการโครงการ Happy Life ให้การต้อนรับ

ภายในบูธนิทรรศการ ‘Happy Life by การเงินธนาคาร และธนาคารกรุงเทพ’ ได้จัดแสดงงานศิลปะของกลุ่มศิลปินสีน้ำ Six-Point ที่ก่อตั้งโดย ดร.สุชาติ วงษ์ทอง ศิลปินสีน้ำชื่อดังระดับนานาชาติ จำนวน 36 ชิ้น จาก 18 ศิลปิน รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ อาทิ การแสดงดนตรีบรรเลงเพลงคลาสสิก และการบรรยายให้ความรู้ถึงแนวคิดในการแต่งเพลงจากนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ กิจกรรมการอ่านบทกวีโดยกลุ่มศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ในหัวข้อ ‘ความสุข’ และ ‘การเงิน’ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของการจัดงาน Money Expo 2025 ในปีนี้ สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมชมบูธนิทรรศการ ‘Happy Life by การเงินธนาคาร และธนาคารกรุงเทพ’ ได้ภายในงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25 (Money Expo 2025) ระหว่างวันที่ วันที่ 15 - 18 พฤษภาคม 2568 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

• “เกนเฟิสต์ 810” ชำระเบี้ยสั้นเพียง 7 ปี คุ้มครอง 15 ปี รับเงินคืนต่อเนื่องทุกปี โดยปีที่ 1-7 รับเงินคืนปีละ 4% ปีที่ 8-15 รับเงินคืนปีละ 5% รวมมอบผลประโยชน์เงินคืนเมื่อครบสัญญา 810% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
• “เกนเฟิสต์ สปีดอัพ 15/8” ชำระเบี้ย 8 ปี คุ้มครอง 15 ปี รับเงินคืนทุกปีๆ ละ 10% ทุกสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-15 มอบผลประโยชน์เงินคืนรวม 886% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
• “เกนเฟิสต์ เซฟวิ่งส์ เท็นเอกซ์ 15/10” ซึ่งเป็นแบบประกันใหม่ล่าสุด ชำระเบี้ย 10 ปี คุ้มครอง 15 ปี มีเงินคืนให้ทุกสิ้นปีกรมธรรม์ปีที่ 1-15 ปีละ 10% และครบสัญญารับเงินผลประโยชน์ 1,000% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย สมัครง่ายไม่ต้องตรวจและไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับวัยทำงาน นักลงทุน ผู้บริหาร รวมถึงเจ้าของกิจการ โดยสามารถเลือกแผนประกันใช่ เหมาะกับเป้าหมายเรื่องวางแผนการเงินของแต่ละบุคคลได้
  
  

สุขกับมื้ออร่อยปี2 - นางวรนุช ศิรธรานนท์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ นายธีรวัฒน์ เลิศถิรพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่ม Asian Cuisine บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) จัดแคมเปญ “สุขกับมื้ออร่อย ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเครือซีอาร์จี ปี 2” อีกครั้ง! กับความสุขสุดพิเศษ เอาใจชาว Japan lover ที่ถือบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ เมื่ออิ่มอร่อยกับเมนูต้นตำรับแท้จากร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือซีอาร์จี ได้แก่ โอโตยะ (Ootoya), คัตสึยะ (Katsuya), เปปเปอร์ลันช์ (Pepper Lunch), ชาบูตง ราเมน (Chabuton Ramen), ราเมน คาเก็ตสึ อาราชิ (Ramen Kagetsu Arashi) และ โยชิโนยะ (Yoshinoya) รับส่วนลดทันที 15% เมื่อทานครบตามเงื่อนไขที่ร้านค้ากำหนด* รับเครดิตเงินคืน 15% เมื่อใช้คะแนนสะสม Thank You Rewards หรือ M Point แลกรับเท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป* (SMS ลงทะเบียนแลกคะแนนสะสมรับเครดิตเงินคืนภายในวันที่ใช้จ่ายผ่านบัตรฯ, ค่าบริการ SMS ครั้งละ 3 บาท) พร้อมรับสิทธิ์ลุ้นรับรางวัล มูลค่ารวมกว่า 1,562,000 บาท* ประกอบด้วย รางวัลแพ็คเกจทริปญี่ปุ่น 6 วัน 4 คืน มูลค่า 164,000 บาท จำนวน 8 รางวัล (รางวัลละ 2 ท่าน) และ รางวัลบัตรกำนัลร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือซีอาร์จี มูลค่า 5,000 บาท จำนวน 50 รางวัล เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ ณ ร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือซีอาร์จี (ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯสะสมครบทุก 800 บาท รับ 1 สิทธิ์ลุ้นรางวัล โดยคำนวณรวมทุกร้านอาหารที่ร่วมรายการ “สุขกับมื้ออร่อย ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเครือซีอาร์จี ปี 2”

รายละเอียดเพิ่มเติม

ธนาคารกรุงเทพ เข้าร่วมงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25 (Money Expo 2025) ชูแนวคิด “It’s all connected with Bangkok Bank” มุ่งหวังช่วยลูกค้าต่อยอดสร้างความมั่งคั่ง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจขึ้นในอนาคต จัดเต็มกับโซลูชันทางการเงิน และโปรโมชันพิเศษเติมความคุ้มค่า พร้อมผู้เชี่ยวชาญช่วยวางแผนเข้าสู่โลกการเงินยุคใหม่อย่างราบรื่น ตอกย้ำความเป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” เคียงข้างทุกเรื่องการเงิน ห้ามพลาด! วันที่ 15-18 พฤษภาคม 2568 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นางสาวพจณี คงคาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพเตรียมพร้อมเข้าร่วมงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25 (Money Expo 2025) ภายใต้แนวคิด “It’s all connected with Bangkok Bank” พร้อมทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างลูกค้าให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางเงิน ได้ง่าย สะดวก ปลอดภัย ให้ลูกค้าสามารถวางแผนชีวิตให้มีความยืดหยุ่นได้ทุกที่ ทุกเวลา เตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ เพื่อก้าวไปสู่ความมั่งคั่งและมั่นคงได้อย่างยั่งยืนร่วมกัน ซึ่งแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับแนวคิดหลักของการจัดงานคือ “Resilient Wealth ความมั่งคั่งแบบยืดหยุ่น” ที่จะกลายเป็นโมเดลการเงินในอนาคต

“ความไม่แน่นอนจากสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว ทำให้การลงทุนรูปแบบเดิมอาจไม่เพียงพอรองรับความเสี่ยง ทำให้แนวคิดการลงทุนแบบยั่งยืนและยืดหยุ่น กลายเป็นโมเดลทางการเงินใหม่ที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น โดยการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ เน้นการนำเสนอทั้งการลงทุนและการกระจายความเสี่ยง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ สร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ซึ่งธนาคารกรุงเทพเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างรากฐานทางการเงินที่ยั่งยืน จึงได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกรูปแบบกับลูกค้าที่มีเป้าหมายทางการเงินที่แตกต่างกัน” นางสาวพจณีกล่าว

ทั้งนี้ เพื่อเชื่อมต่อความมั่งคั่งให้แก่ลูกค้าอย่างเป็นรูปธรรม ธนาคารได้จัดเตรียมผลิตภัณฑ์และบริการ พร้อมกับโปรโมชันสุดพิเศษให้ทุกธุรกรรมคุ้มค่ายิ่งกว่าเดิม ผ่านโซลูชันด้านการเงินและการลงทุน ดังนี้

• สร้างความมั่งคั่งทางการเงินด้วยประกันชีวิต และการลงทุนที่ยืดหยุ่นในยุคดิจิทัล
  • กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) ที่เปิดรับทั้งเงินลงทุนใหม่ และเงินลงทุนที่สับเปลี่ยนมาจากกองทุน LTF เพื่อต่อยอดการลงทุนในหุ้นไทย พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด พิเศษ ลงทุนกองทุน Thai ESGX จาก บลจ.บัวหลวง ทุกๆ 50,000 บาท รับหน่วยลงทุนกองทุน B-ST มูลค่า 100 บาท สูงสุด 1,600 บาท/ท่าน* หรือเลือกลงทุนกองทุน Thai ESGX จาก บลจ.บางกอกแคปปิตอล ทุก 50,000 บาท รับ Cenpay Gift Voucher มูลค่า 100 บาท* (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บลจ. กำหนด)
  • กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) เตรียมความพร้อมสำหรับการเกษียณอายุ และ/หรือ ลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย โดยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ตามเงื่อนไขที่สรรพากรกำหนด พิเศษ ลงทุนกองทุนรวม RMF/Thai ESG ภายในงาน ตั้งแต่ 100,000 บาท-299,999 บาท รับ Universal Adapter 1 ชิ้น มูลค่า 200 บาท หรือลงทุนตั้งแต่ 300,000 บาทขึ้นไป รับเพิ่ม หมอนรองคอ 1 ใบ มูลค่า 400 บาท
  • ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ เกนเฟิสต์ รับความคุ้มครองชีวิตพร้อมสิทธิ์รับดอกเบี้ยสูง เมื่อสมัครประกันชีวิตสะสมทรัพย์ เกนเฟิสต์ที่ร่วมโครงการและชำระเบี้ยประกันภัยรายปี ปีแรก ตั้งแต่ 100,000 บาท ขึ้นไป/กรมธรรม์รับสิทธิ์เปิดบัญชีเงินฝากประจำบัวหลวง ซุปเปอร์โบนัส และฝากเงินขั้นต่ำ 10,000 บาท ภายในวันและสาขาธนาคารกรุงเทพเดียวกับที่สมัครประกันชีวิต เพื่อรับดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน* + ดอกเบี้ยพิเศษ 2.5% ต่อปี** ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. 68 - 8 ก.ค. 68 ประกันชีวิตสะสมทรัพย์เกนเฟิสต์ ที่ร่วมรายการ ได้แก่ เกนเฟิสต์ เซฟวิ่งส์ เท็นเอ็กซ์ 15/10, เกนเฟิสต์ สปีดอัพ 15/8, เกนเฟิสต์ 810
    
    *อัตราดอกเบี้ยตามประกาศของธนาคาร ณ วันที่ฝากเงิน
    **ลูกค้าจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากตามโครงการนี้ เมื่อครบระยะเวลาฝากประจำ 6 เดือน โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่โครงการกำหนด
    
    หมายเหตุ 
    • ผู้ขอเอาประกันภัยควรทำความเข้าใจในรายละเอียด ความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
    • ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์
    • เงื่อนไขรายการส่งเสริมการขายและการให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษตามโครงการเป็นไปตามที่ธนาคาร และ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กำหนด
    • รับประกันชีวิต โดย บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
      
      
• บริการทางการเงินที่สะดวกสบาย รวดเร็ว ปลอดภัย ผ่านระบบการชำระเงินที่ทันสมัย หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทั้งด้านการเดินทาง และการใช้จ่าย ที่ตรงกับตามต้องการ
  • Bangkok Bank Mobile Banking ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน การลงทุน และการท่องเที่ยว มีฟีเจอร์เด่น อาทิ Quick Pay สแกนจ่ายไว ไม่ต้องใส่ PIN ปรับวงเงินสูงสุดได้ถึง 5,000 บาท/วัน เพิ่มความอุ่นใจด้วยฟีเจอร์ Lock & Unlock ที่ช่วยล็อกบัญชีเงินฝากชั่วคราวได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านมือถือ รวมทั้งสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวต่างประเทศไม่มีสะดุด อาทิ สแกน Weixin Pay QR หรือ UnionPay QR จ่ายชำระเงินในประเทศจีน พิเศษ ลูกค้าใหม่สมัครโมบายแบงก์กิ้งฯ ภายในงาน รับ พวงกุญแจตุ๊กตา “น้องจุด” 1 ตัว มูลค่า 459 บาท หรือ ลูกค้าปัจจุบันทำภารกิจสะสมแพลงก์ตอนครบ 50 แพลงก์ตอน นำมาแสดงภายในงานรับ กระเป๋าผ้า 1 ใบ มูลค่า 150 บาท
  • บัตรเดบิต อาทิ บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น ศิริราช อิ่มบุญกับการร่วมบริจาคให้ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล รับฟรี ตรวจสุขภาพ Basic Package และประกันภัยอุบัติเหตุวงเงินสูงสุด 200,000 บาท บัตรบีเฟิสต์ ดิจิทัลเอไอเอส พอยท์ สมัครฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม ช็อปออนไลน์ รับสูงสุด 50 เอไอเอสพอยท์ทุกเดือน พิเศษ สมัครบัตรผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ รับ ECO Bag 1 ใบ มูลค่า 590 บาท
  • บัญชีเงินฝาก e–Savings เปิดบัญชีง่าย ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ สะดวกทุกเรื่อง โอน เติม ง่าย ทำผ่านแอปได้ทันที พิเศษ เปิดบัญชีเงินฝาก e–Savings หรือบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์บัวหลวงเอ็กซ์ตร้าดิจิทัลภายในงาน รับกระเป๋าผ้า 80 ปี ธนาคารกรุงเทพ 1 ใบ มูลค่า 199 บาท
  • บัตรเครดิต Bangkok Bank M Visa จัดแคมเปญ “BANGKOK BANK M VISA SHOPVENTURE” เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร Bangkok Bank M Visa ทุกประเภท ในห้างเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป รับ M Cash Coupon รวมสูงสุดถึง 6,000 บาท พร้อมสิทธิพิเศษอีกมากมาย (24 เมษายน 2568-29 พฤษภาคม 2568)
  • BeMerchant NextGen แอปพลิเคชันสำหรับร้านค้า สามารถรับชำระค่าสินค้าและบริการด้วย QR code รองรับการชำระหลากหลาย อาทิ QR พร้อมเพย์, QR VISA, MasterCard และ UnionPay, TPN, WeChat Pay และ Alipay+ และรับชำระเงินจากนักท่องเที่ยว อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์, กัมพูชา, ลาว และฮ่องกง ที่เข้าร่วม Cross-border QR Payment ได้ พิเศษ สมัครรับชำระเงินด้วย QR Code กับบริการ BeMerchant NextGen รับ ผ้ากันเปื้อน 1 ผืน มูลค่า 350 บาท
    
    
• บริการสินเชื่อ พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดให้คำปรึกษาทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจ
  • สินเชื่อบ้าน รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ (เฉพาะลูกค้าลงทะเบียนในงาน) กรณีขอสินเชื่อเพื่อ รีไฟแนนซ์ที่อยู่อาศัย และกรณีขอสินเชื่อเพื่อซื้อทรัพย์สินพร้อมขายของธนาคาร สำหรับการอยู่อาศัย ฟรี ค่าสำรวจและประเมินหลักประกัน ขั้นต่ำ 3,000 บาท/แปลง (ไม่รวม VAT)
  • สินเชื่อบัวหลวงพูนผล บ้านแลกเงิน สินเชื่ออเนกประสงค์ที่ใช้ที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน ในวงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุด 30 ปี รับ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (เฉพาะลูกค้าลงทะเบียนในงาน) พิเศษ สำหรับลูกค้าสินเชื่อบัวหลวงพูนผลที่ได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อและจดจำนอง ตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป ตั้งแต่ 1 พ.ค. 2568 – 30 ธ.ค. 2568 รับ Magic e-Voucher by Central Group มูลค่า 2,000 บาท

  หมายเหตุ :
  1. กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
  2. อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา สินเชื่อบ้านบัวหลวง อยู่ระหว่าง 4.60%-5.72% ต่อปี สินเชื่อบัวหลวงพูนผล บ้านแลกเงิน อยู่ระหว่าง 5.82%-7.18% ต่อปี
  3. อัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 5 มีนาคม 2568 = 6.95% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ตามประกาศธนาคารในเว็บไซต์ www.bangkokbank.com หรือ ประกาศ ณ สาขาธนาคาร
  
  

  • สินเชื่อบัวหลวงกรีนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สนับสนุนธุรกิจที่ต้องการปรับตัวสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม 3 ด้าน ได้แก่ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และลดการสร้างมลพิษ
    
    

อนุรักษ์ท้องทะเล -ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นำโดย ดร.จิระวัฒน์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายผู้จัดการใหญ่ นายสุวิทย์ อินทรเฉลิม เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายการประชาสัมพันธ์ และนายสาโรจน์ โรจนสาโรจน์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Assistant Vice President ผู้จัดการภาค 3 ลูกค้าธุรกิจรายกลาง ต่างจังหวัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และพนักงาน ร่วมกิจกรรม “สืบชะตาทะเลอ่าวไทยตอนบน (ตัว ก) ที่สมุทรสาคร” ณ บริเวณริมเขื่อนแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร โดยมี นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดงาน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 จัดโดยสมาคมการประมงสมุทรสาคร เพื่อรวมพลังร่วมสำนึกรักษ์และหวงแหนท้องทะเลตลอดจนทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงร่วมแสดงพลังความร่วมมืออนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและสร้างจิตสำนึกในการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน อันจะช่วยฟื้นฟูท้องทะเลไทยและระบบนิเวศที่เสื่อมโทรมจากสถานการณ์ปัญหาต่างๆ เช่น ภาวะโลกร้อน การทำประมงผิดกฎหมาย และโรงงานอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

โอกาสนี้ ธนาคารยังได้ร่วมสนับสนุน การจัดทำปะการังเทียมจากถังโม่ปูนเก่าพร้อมแต่งแต้มสีสันให้สวยงาม เพื่อใช้สร้างเป็นปะการังเทียมใต้ทะเลสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำนานาชนิดบริเวณปากทะเลอ่าวไทย ส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศที่สมดุล ป้องกันการกัดเซาะและพังทลายของชายฝั่ง อีกทั้งยังป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ไม่ให้เรืออวนลาก อวนรุนเข้ามาแย่งพื้นที่ของชาวประมง ตามเจตนารมณ์ของธนาคารที่มุ่งมั่นเป็น ‘เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน’ มีส่วนร่วมอนุรักษ์ทะเลอ่าวไทยผ่านโครงการ ‘Bualuang Save the Earth: รักษ์ท่าจีน’ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งการติดตั้งเครื่องมือดักขยะ สร้างความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ผ่านการให้ความรู้และคัดแยกขยะอย่างจริงจัง เพื่อลดปริมาณขยะในแม่น้ำท่าจีนก่อนไหลลงสู่ทะเลมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 จนถึงปัจจุบันสามารถดักจับขยะก่อนไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทยได้มากกว่า 31.67 ตัน (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนเมษายน 2568) ขณะเดียวกันได้ร่วมต่อยอดการสร้างมูลค่าจากขยะผ่านการร่วมขับเคลื่อน โครงการคัดแยกขยะอย่างยั่งยืน คืนทุนสู่ชุมชน: “Don’t Cry I Care” พร้อมจัดตั้งธนาคารขยะรีไซเคิลชุมชน เพื่อสร้างความยั่งยืนในการจัดการขยะอย่างเป็นรูปธรรม

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมจัดโคมตรา (ชนิดโคมหลอดไฟ) ติดตราสัญลักษณ์ธนาคาร เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา โดยเสด็จพระราชกุศล เนื่องในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา พุทธศักราช 2568 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง โดยทางสำนักพระราชวังจะดำเนินการติดประดับโคมตราจากผู้มีจิตศรัทธาบริเวณศาลาราย วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันวิสาขบูชา ซึ่งปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568 (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6) โดยธนาคารได้ร่วมจัดโคมตราถวายเป็นพุทธบูชามาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อร่วมสืบทอดประเพณี ทำนุบำรุงศาสนา และร่วมธำรงไว้ซึ่งความสถาพรแห่งพระพุทธศาสนาในประเทศไทยสืบไป ตามเจตนารมณ์ที่ยึดมั่นในการเป็น ‘เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน’ มุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อสังคมไทยในทุกมิติ

สมทบทุน- นางสาวพจณี คงคาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 4 จากขวา) นายอภิวัฒน์ ปุณโณปกรณ์ (ที่ 2 จากซ้าย) นายสุวิทย์ อินทรเฉลิม (ซ้ายสุด) เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายการประชาสัมพันธ์ นายสมบัติ ลิ่มสุวัฒนาพงษ์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Assistant Vice President ผู้จัดการภาค นครหลวง 4 (ขวาสุด) นางสาวจิตประภัส มาลานิยม เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Assistant Vice President ผู้จัดการสาขาพลับพลาไชย (ที่ 3 จากขวา) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มอบเงินจำนวน 200,000 บาท สมทบทุนมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ถวายเป็นพระราชกุศลและเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ และทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา 2 เมษายน 2568 และเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี การก่อตั้งมูลนิธิสายใจไทยฯ โดยมี นางอมรา อินทวงศ์ กรรมการและเหรัญญิก (ที่ 4 จากซ้าย) หม่อมหลวงเอื้อมสุขย์ กิติยากร ผู้อำนวยการสายบริหารและสมาชิก (ที่ 3 จากซ้าย) มูลนิธิสายใจไทยฯ ร่วมรับมอบ ณ มูลนิธิสายใจไทยฯ ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร

ธนาคารกรุงเทพ ‘ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค’ ที่มุ่งมั่นเป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินคุณภาพภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ควบคู่ไปกับการ ‘สรรค์สร้างคุณค่าสู่อนาคตที่ยั่งยืน’ ในทุกมิติให้กับสังคมไทยมาตลอด 80 ปี โดยธนาคารได้จัดสรรงบประมาณสมทบทุนมูลนิธิสายใจไทยฯ มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2556 เพื่อช่วยแบ่งเบาภารกิจหลักของมูลนิธิในการดูแลและช่วยเหลือทหาร ตำรวจ พลเรือนอาสาสมัคร และครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ และเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศชาติ จำนวนกว่า 3,000 คน ประกอบด้วย การจัดสรรเงินช่วยเหลือที่ครอบคลุมคุณภาพชีวิต ทั้งด้านการแพทย์และสาธารณสุข ด้านการศึกษา ทุนการศึกษาแก่บุตรธิดา รวมถึงการฝึกอบรมเพื่อสร้างอาชีพเสริมรายได้

ธนาคารกรุงเทพ ยืนหยัดเป็น “เพื่อนคู่คิด” ดึงผู้บริหารบริษัทชั้นนำร่วมวงสัมมนา แนะผู้ประกอบการทุกกลุ่มตื่นตัวรับมือระเบียบการค้าใหม่ด้านสิ่งแวดล้อมสู่เศรษฐกิจสีเขียว-คาร์บอนต่ำ ประสานเสียงต้องเร่งปรับตัวทันที เพื่อคว้าโอกาสการค้าในตลาดโลก หากปรับไม่ทันอาจกระทบยอดขายได้ แนะเริ่มต้นประเมินตัวเองหา Baseline ใช้แพลตฟอร์มเก็บข้อมูลลดใช้พลังงานสิ้นเปลือง ชี้ช่วยลดต้นทุนค่าไฟไม่ต่ำกว่า 15-20% พร้อมขอภาครัฐหนุนด้านการเงิน เพิ่มสิทธิประโยชน์จูงใจผู้ประกอบการปรับตัวมากขึ้น

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ของภาคธุรกิจไทย มีความตั้งใจที่จะพาผู้ประกอบการไทยปรับตัวเพื่อคว้าโอกาสและสร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างมั่นคงยั่งยืน ผ่านการให้องค์ความรู้ การสร้างเครือข่ายธุรกิจและสินเชื่อมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้จัดงานสัมมนา “The Great Green Transition” ที่นำบริษัทชั้นนำของไทยรวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ ร่วมแนะนำและค้นหาจุดเปลี่ยน โดยสิ่งสำคัญที่เหล่าองค์กรชั้นนำต่างเห็นในทิศทางเดียวกันคือการหา Baseline ค่าพื้นฐานที่บันทึกการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือการใช้พลังงานของธุรกิจในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของแผนลดการใช้คาร์บอนที่ชัดเจน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยใช้พลังงานเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนในทุกธุรกิจ สิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โลกร้อนขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นประเด็นที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจและมุ่งหาวิธีก้าวสู่ยุคเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Economy) ทำให้เกิดกฎระเบียบใหม่ทางการค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

“ภาคธุรกิจไทยไม่ควรมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัว เพียงเพราะยังไม่อยู่ในกลุ่มสินค้าที่เจอกฎระเบียบเหล่านี้ เพราะในอนาคตเชื่อว่ามาตรการด้านสิ่งแวดล้อมจะครอบคลุมไปยังสินค้าทุกกลุ่ม และไม่ใช่แค่สหภาพยุโรปเท่านั้นที่จะนำหลักเกณฑ์เหล่านี้มาใช้ หลายประเทศก็กำลังเตรียมดำเนินการเช่นเดียวกัน ซึ่งจะทำให้สินค้าทุกอย่างเกิดการตรวจสอบย้อนกลับทั้งห่วงโซ่ แม้จะเป็นฟันเฟืองเล็กๆในอุตสาหกรรมก็จะมีผลกระทบตามมา อาจทำให้สินค้าขายไม่ได้ด้วยเช่นกัน” นายกอบศักดิ์กล่าว

นายทิม แม็คแคฟเฟอร์รี่ Global Investment Director บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG กล่าวว่า SCG ได้ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยให้ธุรกิจลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เทคโนโลยีแผงโซลาเซลล์ประสิทธิภาพสูง เทคโนโลยีที่ให้พลังงานความร้อนสูงโดยไม่ปล่อยคาร์บอน เทคโนโลยีที่ฟอกคาร์บอนออกจากอากาศ และผลิตภัณฑ์ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในระบบห่วงโซ่การขนส่งความเย็น โดยตั้งเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนให้ได้มากถึง 25% ภายในปี 2030 รวมทั้งผลิตซีเมนต์ที่มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์น้อยลงโดยมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทย

“สิ่งที่ง่ายที่สุดของธุรกิจควรเริ่มจากประเมินการใช้พลังงานและสาธารณูปโภคภายในธุรกิจเอง และมองหาโอกาสในการลดการใช้พลังงานลง พิจารณาการใช้พลังงานหมุนเวียน ปรับปรุงกระบวนการผลิต และนำเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งผลที่จะเกิดต่อธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุดในทันที ก็คือการช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าให้ได้ไม่น้อยกว่า 15-20% สิ่งนี้จะช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุนไปได้มาก และสร้างจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวในขั้นแรก เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันระยะยาวให้แก่ภาคธุรกิจได้อย่างแน่นอน” นายทิมกล่าว

นายพีรพงศ์ กรินชัย ผู้บริหารสูงสุดสายงานวิศวกรรมกลาง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทขนาดใหญ่ที่มีการขายสินค้าไปทั่วโลก เผชิญกับตัวเร่งในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำจากความต้องการของลูกค้าในต่างประเทศและข้อกีดกันทางการค้า (trade barrier)ระบบใหม่ ทำให้บริษัทขนาดใหญ่มีความมุ่งมั่นสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำให้ตรงกับมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น CBAM และ EUDR เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ แม้ธุรกิจขนาดเล็กอาจยังไม่ได้มองภาพด้านนี้มากนักและอาจมองเป็นเรื่องไกลตัว แต่การจัดงานเสวนานี้ ที่ธนาคารได้ดึงธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กเข้ามาร่วมงาน ทำให้ตระหนักถึงภาวะโลกร้อนและตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นกฎกติกาใหม่ในโลกที่จะช่วยให้ SME ก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงและก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้ ทำให้ทั้งภาคธุรกิจและภาคเกษตรอุตสาหกรรมในประเทศไทยยืนหยัดต่อได้ในอนาคต

ด้านนายมงคล ตั้งศิริวิช ประธานบริษัท ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมาบริษัท ชไนเดอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำด้านความยั่งยืนระดับโลก กล่าวว่า ประสบการณ์ในการเปลี่ยนผ่านองค์กรพบว่ามีอยู่ 3 เรื่องหลักที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืนได้ คือ

• Strategize: สร้าง Baseline และเส้นทางสู่การเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน (Decabonization Roadmap)
• Digitize: นำเสนอเทคโนโลยีดิจิทัลที่ใช้ในการตรวจวัดค่าการใช้พลังงาน การปล่อยก๊าซคาร์บอน มาใช้เพื่อเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์หาโอกาสลดการใช้พลังงานลง
• Decarbonize: หาโซลูชันเพื่อลดคาร์บอน เช่น การใช้พลังงานสีเขียวมาทดแทน และปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้นำดิจิทัลแบงก์กิ้ง-นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่ และนางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้แทนธนาคาร ร่วมงาน IGNITE Thailand-Korea Business Forum ในวาระครบรอบ 67 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ ซึ่งจัดขึ้นโดยสถานเอกอัครราชทูตไทยในเกาหลี และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจทวิภาคีระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลี โดยมีคณะผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล และผู้บริหารระดับสูงขององค์กรเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โอกาสนี้ ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ ‘ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค’ ร่วมกับ บริษัท บีซี คาร์ด จำกัด หรือ BC Card ผู้ให้บริการชำระเงินรายใหญ่ของเกาหลีใต้ นำโดย นายชเว วอนซอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BC Card เชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ โดยได้ร่วมกันพัฒนาบริการ Cross-Border QR Payment ระหว่างประเทศไทยและเกาหลีใต้ ทั้งนี้ ในระยะแรก เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยสามารถชำระเงินค่าสินค้าและบริการได้อย่างสะดวก ปลอดภัย กับร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Cross-Border QR Payment – pay like a local ตอกย้ำความแข็งแกร่งฐานะผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้งระดับภูมิภาค ที่พร้อมเชื่อมต่อโอกาสให้ลูกค้าในทุกมิติ ที่โรงแรม Lotte Seoul ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี

ธนาคารกรุงเทพ ผนึกกำลังเครือเดอะมอลล์ รุกตลาดลูกค้ารายย่อย ต่อยอดความสำเร็จปี 2 บัตรโคแบรนด์ Bangkok Bank M Visa จัดแคมเปญเด็ดเอาใจนักช็อป รับ M Cash Coupon สูงสุด 6,000 บาท แถมโปรพิเศษอัดแน่น หวังช่วยดันยอดช็อปในห้าง หนุนยอดใช้จ่ายช่วงไตรมาส 2/68 เติบโตต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มยอดใช้จ่ายหมวดเดินทาง-ท่องเที่ยว จับมือ 14 พันธมิตรค้าปลีกเอเชีย-ยุโรป เล็งแตกไลน์ออกบัตรพรีเพด จับตลาดนักท่องเที่ยวจีน

นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมกับเดอะมอลล์ กรุ๊ป ต่อยอดความสำเร็จของบัตรโคแบรนด์ “Bangkok Bank M Visa” เพื่อขยายฐานลูกค้าผ่านการส่งมอบประสบการณ์ด้านการเงินสำหรับลูกค้ารายย่อยอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดกลยุทธ์การจัดแคมเปญที่สอดคล้องกับพฤติกรรมและรูปแบบการใช้จ่ายของผู้ถือบัตรโดยเฉพาะการใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้าของเดอะมอลล์ กรุ๊ป (In-store) ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักของยอดการใช้จ่าย ทั้งยังมีจุดแข็งด้านความครบวงจรทั้งไลฟ์สไตล์ แฟชั่น ร้านอาหาร และซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งล่าสุดได้ร่วมกันจัดแคมเปญ “BANGKOK BANK M VISA SHOPVENTURE” เพื่อให้ทุกการใช้จ่ายผ่านบัตร Bangkok Bank M Visa ทุกประเภท ในห้างเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป คุ้มค่ายิ่งขึ้น รับ M Cash Coupon รวมสูงสุดถึง 6,000 บาท พร้อมสิทธิพิเศษอีกมากมาย

ขณะเดียวกัน ยังมีแผนขยายการเติบโตของการใช้จ่ายนอกห้าง (Out-store) โดยเฉพาะในหมวดการเดินทางและใช้จ่ายต่างประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งธนาคารและเดอะมอลล์ กรุ๊ป มีแผนความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างสรรค์สิทธิประโยชน์ใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของผู้ถือบัตรในแต่ละเซ็กเมนต์ นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์บัตร โคแบรนด์ในรูปแบบใหม่ๆ เช่น บัตรโคแบรนด์แบบพรีเพด (Prepaid) เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่เป็นลูกค้าสำคัญของเดอะมอลล์ กรุ๊ป และยังเป็นฐานแฟนคลับของ “หลิงหลิง คอง” พรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดของบัตรโคแบรนด์นี้อีกด้วย

“ธนาคารและเดอะมอลล์ กรุ๊ป ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและทำความเข้าใจลูกค้าในเชิงลึกซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บัตร Bangkok Bank M Visa ประสบความสำเร็จได้อย่างดีตั้งแต่ปีแรก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้าย 2567 มาถึงไตรมาส 1 ปีนี้ ที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตกว่า 150% และเชื่อมั่นว่าแคมเปญที่ออกมาเพิ่มเติมในไตรมาส 2 จะช่วยรักษาอัตราเติบโตที่ดีดังกล่าว โดยมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น ต่อเนื่อง ทั้งยังตอกย้ำการเป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ที่ส่งมอบสิทธิประโยชน์และความคุ้มค่าในทุกการใช้จ่ายอีกด้วย” นายโชค กล่าว

นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงปี 2568 ยังคงเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนขับหลัก โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2568 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยถึง 36 ล้านคน สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 1.69 ล้านล้านบาท ดังนั้น กลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป และธนาคารกรุงเทพ จึงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนบรรยากาศการใช้จ่ายให้มีความคึกคักต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ผ่านแคมเปญ “Bangkok Bank M Exclusive Month : SHOPVENTURE ช็อปอลังกับโปรปังแห่งปี” ลดครั้งใหญ่กลางปีทั้งศูนย์การค้า-ห้างสรรพสินค้า ในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป เพียงใช้จ่ายผ่านบัตร Bangkok Bank M Visa ทุกประเภท เพื่อรับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ แลกรับส่วนลดสูงสุด 50% และ รับ M Cash Coupon สูงสุดถึง 6,000 บาท ขณะเดียวกันยังเดินหน้าขยายความร่วมมือกับธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อส่งมอบสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายให้กับลูกค้าสมาชิก M Card และผู้ถือบัตร Bangkok Bank M Visa มากยิ่งขึ้น

“เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยังคงรุกตลาดค้าปลีกต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จากความสำเร็จของการเดินหน้าขยาย    “โกลบอลพริวิลเลจ” (Global Privilege) ที่ขยายสิทธิประโยชน์ให้แก่สมาชิก M Card และผู้ถือบัตร Bangkok Bank M Visa ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้านการท่องเที่ยวสำหรับนักช็อปผู้รักการเดินทางทั่วโลก ปัจจุบันเดอะมอลล์ กรุ๊ป มีพันธมิตรห้างสรรพสินค้าต่างประเทศทั้งหมด 14 ประเทศ ทั้งในเอเชียและยุโรป ได้แก่          แพรงตองค์ (Printemps) ในฝรั่งเศส, เอล คอร์เต้ อิงเลส เอสเอ (EI Corte Ingles) ในสเปน, Village Outlet        ในเครือ เดอะบิสเตอร์ คอลเลคชัน (The Bicester Collection) 9 สาขาในยุโรป, ดองกิโฮเต้ (Don Quijote)   ดองกี้ ในญี่ปุ่น, ซันเวย์ ซิตี้ (Sunway City) มาเลเซีย และ K11 Musea ในฮ่องกง ซึ่งปีนี้เราตั้งเป้าจับมือตลาดห้างสรรพสินค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 4 ที่ทั่วโลก” นางสาววรลักษณ์ กล่าว 

ธนาคารกรุงเทพ สานต่อภารกิจปลุกพลัง “ผู้ให้” ทั่วประเทศ เปิดโครงการ “ธนาคารกรุงเทพ ร่วมส่งมอบ 70 แสนซีซี บริจาคโลหิตต่อชีวิตทั่วไทย” จับมือศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดพื้นที่ตั้งจุดรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ 12 จุดสาขาธนาคารทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เชิญชวนคนไทยร่วมกิจกรรมทุก 3 เดือน อำนวยความสะดวกให้เข้าถึงง่ายขึ้น จูงใจบริจาคสม่ำเสมอ ทั้งรายใหม่และขาประจำ พร้อมเป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” เคียงคู่ช่วยเหลือสังคมในทุกมิติ

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากความสำเร็จของโครงการ “80 แสนซีซี 80 ปี ธนาคารกรุงเทพ” ในโอกาสฉลองครบรอบ 80 ปีของธนาคาร ช่วงปี 2566-2667 ซึ่งมีผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า และประชาชนทั่วไป ร่วมบริจาคโลหิตรวมกว่า 14 ล้านซีซี นับเป็นความภาคภูมิใจที่ธนาคารได้ร่วมสนับสนุนศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อส่งต่อโลหิตให้กับผู้ป่วยทั่วประเทศได้ถึง 105,237 ราย ทั้งนี้ ธนาคารได้เล็งเห็นพลังแห่งการให้ที่ยิ่งใหญ่นี้ จึงตั้งใจสานต่อกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ดำเนินงานผ่านโครงการ “ธนาคารกรุงเทพ ร่วมส่งมอบ 70 แสนซีซี บริจาคโลหิตต่อชีวิตทั่วไทย” เพื่อร่วมส่งมอบโลหิตสนับสนุนโครงการ “70 พรรษา 70 ล้านซีซี เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี” ของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสทรงมีพระชนมายุครบ 70 พรรษา วันที่ 2 เมษายน 2568

ในปีที่ผ่าน ธนาคารพบว่ายังมี ‘ผู้ให้’ อีกจำนวนมากที่เข้าถึงจุดรับบริจาคโลหิตได้ยาก ในปีนี้จึงขยายจุดรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ในส่วนภูมิภาคเพิ่มเติม จากเดิมที่มี 2 จุดเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ที่ธนาคารกรุงเทพ อาคารสำนักงานใหญ่สีลม และอาคารพระราม 3 ปีนี้ได้เพิ่มจุดรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ไปยังพื้นที่สาขาในต่างจังหวัดของธนาคาร ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพิ่มอีก 10 จุด เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มโอกาสเข้าถึงกิจกรรมการบริจาคโลหิตให้กับลูกค้า ประชาชน พันธมิตร และพนักงานธนาคารที่ต้องการร่วมเป็น “ผู้ให้” อย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมบริจาคโลหิตประจำทุกไตรมาส ประกอบด้วย 1.) สาขาประตูช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ 2.) สาขาพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก 3.) สาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี 4.) สาขาถนนโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 5.) สาขาหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 6.) สาขาฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา 7.) สาขานครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 8.) สาขาอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี 9.) สาขาหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และ 10.) สาขาถนนชนเกษม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

“แม้ปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์จะก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่มีสิ่งใดแทนโลหิตที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยได้ การมีปริมาณโลหิตสำรองที่เหมาะสมยังคงจำเป็นมาก และถือเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์ต่าง ๆ การบริจาคโลหิตแต่ละครั้งนั้น สามารถนำไปช่วยผู้ป่วยได้มากกว่า 3 ชีวิต ทั้งยังเป็นการสร้างกุศลที่ทุกคนสามารถทำได้อย่างเท่าเทียมกัน ที่ผ่านมาธนาคารให้ความสำคัญดำเนินงานเรื่องนี้มาต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 37 ปี ส่งมอบปริมาณโลหิตไปแล้ว 32,542,550 ซีซี ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ 261,181 ราย (ข้อมูล ณ สิ้นปี 2567) ธนาคารในฐานะ “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” จะยังคงมุ่งมั่นดำเนินโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการจัดหาผู้บริจาคโลหิต ให้มีโลหิตสำรองเพียงพอต่อการรักษาพยาบาล และมีความตั้งใจที่จะเชื่อมโยงพลังของ ‘ผู้ให้’ ทั้งการรักษาผู้บริจาครายเดิมให้เป็นผู้บริจาคโลหิตประจำอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ควบคู่ไปกับการรณรงค์เพิ่มผู้บริจาคโลหิตรายใหม่ให้มีจำนวนมากขึ้น” นายชาติศิริ กล่าว

รศ.พญ. ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มีภารกิจหลักในการให้บริการโลหิตที่เพียงพอ มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล เพื่อนำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยทั่วประเทศ ซึ่งองค์การอนามัยโลก ได้กำหนดไว้ว่า แต่ละประเทศควรมีผู้บริจาคโลหิตจำนวน 3% ของจำนวนประชากร ในประเทศไทย จากประชากร 66 ล้านคน มีผู้บริจาคโลหิตทั่วประเทศ 1.66 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 2.5% เท่านั้น ทำให้ยังมีการขาดแคลนโลหิตในบางพื้นที่และบางเดือนบางช่วงเวลาอยู่เป็นระยะ จึงต้องปรับกลยุทธ์ในทุกมิติ เพื่อเพิ่มปริมาณโลหิตสำรองให้ได้มากที่สุด ทั้งการเพิ่มจุดรับบริจาคโลหิตภายในและนอกสถานที่ ครอบคลุมทั้งส่วนกลางและภูมิภาค รวมถึงการขอความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรเพื่อจัดกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการบริจาคอย่างสม่ำเสมอ

“ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพถือเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยเสริมภารกิจของศูนย์บริการโลหิตฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโครงการล่าสุด “80 แสนซีซี 80 ปี ธนาคารกรุงเทพ” ที่สามารถรวบรวมโลหิตได้มากถึง 14 ล้านซีซี หรือกว่า 35,000 ยูนิต เทียบเท่าการต่อชีวิตให้แก่ผู้ป่วยกว่าแสนราย รวมถึงในปีนี้ที่ยังคงเข้าร่วมในโครงการ “ธนาคารกรุงเทพ ร่วมส่งมอบ 70 แสนซีซี บริจาคโลหิตต่อชีวิตทั่วไทย” นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยสานต่อพลังของ ‘ผู้ให้’ ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขึ้น ทั้งจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยให้มีโลหิตสำรองเพียงพอในทุกสถานการณ์ ทั้งภาวะปกติและภาวะวิกฤต เพื่อให้ทุกชีวิตได้รับโอกาสในการรักษาอย่างเท่าเทียมและทันเวลา” รศ.พญ. ดุจใจ กล่าว

สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ “ธนาคารกรุงเทพ ร่วมส่งมอบ 70 แสนซีซี บริจาคโลหิตต่อชีวิตทั่วไทย” สามารถร่วมบริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่ง ทั่วประเทศ หน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ และ โรงพยาบาลแต่ละจังหวัดที่เป็นโรงพยาบาลสาขาบริการโลหิต พร้อมสแกนคิวอาร์โค้ด กรอกข้อมูล ร่วมสะสมจำนวนซีซี กับ โครงการฯ หรือ ที่หน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ธนาคารกรุงเทพ ทั้ง 12 แห่งทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งจะจัดต่อเนื่องทุก 3 เดือน จนถึง 31 ธันวาคม 2568

สะสมจำนวนซีซี

แทนคำขอบคุณ! ผู้บริจาคโลหิตภายใต้โครงการฯ ที่บริจาคสะสมครบ 3 ครั้ง ภายในปี 2568 จะได้รับวัตถุมงคลที่ระลึก ‘สมเด็จพระไพรีพินาศ วัดบวรนิเวศราชวิหาร’ ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลและกำหนดวันตั้งหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงเทพ ทั้ง 12 แห่ง ได้ที่ธนาคารกรุงเทพ โทร. 0-2230-2062 หรือ 0-2230-2700