ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แจ้งขออภัยในความไม่สะดวก กรณีขอปิดปรับปรุงระบบงานอิเล็กทรอนิกส์ชั่วคราว เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้ดียิ่งขึ้น ในเช้าวันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 01.00 น. – 07.00 น. ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าของธนาคารและลูกค้าต่างธนาคาร ไม่สามารถใช้บริการทำธุรกรรมในวันและเวลาที่กำหนดได้ ตามรายละเอียด ดังนี้

ตั้งแต่เวลา 01.00 น. – 07.00 น.

• ธุรกรรมทุกประเภท ผ่านช่องทางบริการโมบายแบงก์กิ้ง (Bangkok Bank Mobile Banking)

ตั้งแต่เวลา 01.00 น. – 05.00 น.

• บริการ Bualuang iBanking และ Bualuang Biz iBanking
• บริการ Bualuang Phone
• บริการฝากเงิน และ ถอนเงิน ผ่านตัวแทนธนาคาร (Banking Agent)
• บริการผ่านเครื่องเอทีเอ็ม และ เครื่องรับฝากเงินสด ของธนาคารกรุงเทพ
• บริการถอนเงิน และ โอนเงินด้วยบัตรเดบิต/บัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ ผ่านเครื่อง ATM ต่างธนาคาร
• บริการโอนเงิน PromtPay ในประเทศ และ ต่างประเทศ
• บริการโอนเงิน หรือ ฝากเงินเข้าหมายเลขบัญชีธนาคารกรุงเทพ
• บริการชำระเงินด้วย QR Payment ในประเทศ และ ต่างประเทศ 
• บริการรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการทางอิเล็กทรอนิกส์
• บริการชำระเงินด้วยบัตรเดบิต ผ่านบัวหลวง ไอเพย์ 
• บริการชำระเงินด้วยบัตรเดบิต ผ่านช่องทาง EDC
• บริการ BeWallet
• บริการ BeMerchant, BeMerchant NextGen และ BeMerchantPro
• บริการชำระเงินผ่าน Electronic Bill Presentment and Payment (EBPP)
• บริการชำระเงินผ่าน Bualuang iSupply
• บริการชำระเงินผ่าน Paperless e-Payment
• บริการชำระเงินผ่าน Payment on the net
• บริการ API Payment
• บริการ E-Wallet PromptPay Sponsor Bank
• บริการ Inward Remittance

Bangkok Bank is ready to support Chinese tourists traveling to Thailand with scan-to-pay services via three popular apps—UnionPay, Weixin Pay, and Alipay—at over 1.9 million stores nationwide. The service is secure, offers real-time exchange rates, and charges no transaction fees. This reinforces the Bank’s role as a “leading regional bank” connecting every seamless spending opportunity. The service will begin on October 30, 2025.

Bangkok Bank Executive Vice President Suyanee Puripanyawanich said that as a “leading regional bank,” Bangkok Bank remains committed to continuously developing its services and digital platforms to meet customers’ financial lifestyle needs. Recently, the Bank has launched Cross-Border QR Payment services for inbound Chinese tourists in Thailand. By simply using Chinese applications—UnionPay, Weixin Pay, or Alipay—travelers can scan PromptPay QR codes to pay for goods and services at over 1.9 million stores nationwide, starting from October 30, 2025.

“Thailand remains one of the top five travel destinations most favored by Chinese visitors, both for tourism and business. This year, the Tourism Authority of Thailand expects 6.7 million Chinese tourists to visit the country—ranking first among all international arrivals—with average spending per trip exceeding 50,000 baht. Introducing Cross-Border QR Payment services not only caters to Chinese travelers accustomed to a cashless society but also enhances their overall travel and business experience with greater convenience. Moreover, it helps Thai merchants gain better access to Chinese customers,” said Ms. Suyaanee.

Merchants accepting Bangkok Bank’s PromptPay QR code can automatically support payments for goods and services via Chinese applications—UnionPay, Weixin Pay, and Alipay—starting October 30, 2025. In addition, cross-border QR code payments are also supported from Vietnam, Indonesia, Malaysia, Singapore, Lao PDR, Hong Kong, Cambodia, and South Korea (via the Paybooc app).

Bangkok Bank now offers Cross-Border QR Payment services for both inbound and outbound transactions through partnerships with nine countries: Vietnam, Indonesia, Malaysia, Singapore, Lao PDR, Hong Kong, Cambodia, South Korea (Cambodia and South Korea support inbound payments only), and most recently, China. The service covers both Chinese tourists visiting Thailand and Thai customers traveling to China, enabling easy, cashless payments with high security standards—seamlessly through their local banking apps or Bangkok Bank Mobile Banking across all spending activities.

ระดมยอดบริจาคโลหิตสำรอง- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โดยทีมผู้บริหาร และพนักงาน ณ ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ สีลม ร่วมบริจาคโลหิตในโครงการ “ธนาคารกรุงเทพ ร่วมส่งมอบ 70 แสนซีซี บริจาคโลหิตต่อชีวิตทั่วไทย” ครั้งที่ 3/2568 เพื่อระดมยอดบริจาคโลหิตผ่านจุดรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ 12 แห่งของธนาคารทั่วประเทศ ไปพร้อมกัน โดยพบว่าได้ยอดบริจาค รวมถึง 473,200 ซีซี จากจำนวนผู้ร่วมบริจาค 1,183 ราย ภายในวันเดียว ส่งผลให้ยอดบริจาครวมสะสมอยู่ที่ 4,734,150 ซีซี จากผู้เข้าร่วมบริจาคทั้งหมด 11,835 ราย เพื่อเพิ่มปริมาณโลหิตสำรองให้กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย นอกจากนี้ผู้บริจาคภายใต้โครงการฯ ที่บริจาคสะสมครบ 3 ครั้ง ภายในปี 2568 จะได้รับวัตถุมงคลที่ระลึก ‘สมเด็จพระไพรีพินาศ วัดบวรนิเวศวิหาร’ เพื่อแทนคำขอบคุณความเสียสละอย่างต่อเนื่องร่วมกับ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย

ทั้งนี้ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ “ธนาคารกรุงเทพ ร่วมส่งมอบ 70 แสนซีซี บริจาคโลหิตต่อชีวิตทั่วไทย” ยังสามารถร่วมบริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ หน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ และ โรงพยาบาลแต่ละจังหวัดที่เป็นโรงพยาบาลสาขาบริการโลหิต พร้อมสแกนคิวอาร์โค้ด กรอกข้อมูล ร่วมสะสมจำนวนซีซี กับ โครงการฯ จนถึง 31 ธันวาคม 2568 สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกรุงเทพ โทร. 0-2230-2062 หรือ 0-2230-2700

ธนาคารกรุงเทพ น้อมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2568 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 59 ณ วัดสำราญนิเวศ พระอารามหลวงจังหวัดอำนาจเจริญ โดยจัดขบวนอันเชิญอย่างยิ่งใหญ่ ตกแต่งอย่างงดงามสะท้อนอัตลักษณ์ถิ่นอีสาน ด้วยงานหัตถศิลป์จักสาน และผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน รวมพลังศรัทธาจากลูกค้า พนักงาน และประชาชนทั่วไป ร่วมสืบสานพุทธศาสนา และร่วมทำบุญเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 14,453,092.94 บาท

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายสิงห์ ตังทัตสวัสดิ์ ประธานกรรมการบริหาร ประธานฝ่ายฆราวาส นายอมร จันทรสมบูรณ์ นายโชคชัย นิลเจียรสกุล นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการธนาคาร นายกึกก้อง รักเผ่าพันธุ์ รองผู้จัดการใหญ่ นายสงคราม สกุลพราหมณ์ นางสาวพจณี คงคาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงาน น้อมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2568 แด่พระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ต่อเนื่องเป็นปีที่ 59 โดย พระวิชัยมุนี (ไพฑูรย์ เมตฺตจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดสำราญนิเวศ พระอารามหลวง เป็นองค์ครองผ้าพระกฐินพระราชทาน โอกาสนี้ หน่วยงานภาครัฐ นำโดย นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ และประชาชนในพื้นที่ให้เกียรติร่วมในพิธีที่วัดสำราญนิเวศ พระอารามหลวง ทั้งนี้ ด้วยพลังศรัทธาของธนาคารกรุงเทพ คณะกรรมการ คณะผู้บริหาร พนักงานธนาคาร ลูกค้า ประชาชนและผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศร่วมทำบุญกฐินพระราชทาน ประจำปี 2568 รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 14,453,092.94 บาท

ธนาคารกรุงเทพ “ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค” นับเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกที่ได้รับสนองพระมหากรุณาธิคุณน้อมนำผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายยังพระอารามหลวง หมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย รวมถึงในต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2510 ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เป็นเวลายาวนานต่อเนื่องเป็นปีที่ 59 เพื่อร่วมธำรงไว้ซึ่งความสถาพรแห่งพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ด้วยหวังแบ่งเบาพระราชภาระและถือเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ให้เป็นประโยชน์ต่อพระภิกษุสามเณรที่มีศรัทธา เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป

วัดสำราญนิเวศ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุตนิกาย ก่อตั้งเมื่อปี 2484 บนที่ดินซึ่งได้รับบริจาคจากชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธา ตั้งอยู่ในตำบลบุ่ง อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่า มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นอยู่ทั่วบริเวณ จึงเป็นสถานที่อันเหมาะสมในการเจริญพระกรรมฐาน โดยในปี 2485 ได้รับการตั้งชื่อเป็น “วัดสำราญนิเวศ” จากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) ให้เป็นวัดคู่กับวัดพรหมวิหาร อำเภอเลิงนกทา จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันขึ้นกับจังหวัดยโสธร) ในปีเดียวกันเริ่มจัดให้มีการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมชั้นตรี โท และเอก ต่อมาในปี 2487 วัดสำราญนิเวศ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา อันแสดงถึงการเป็นวัดที่สมบูรณ์ และได้รับการประกาศเกียรติคุณให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ประจำปี 2521 และประจำปี 2540 ของกรมศาสนา โดยวัดสำราญนิเวศ ได้รับพระราชทานยกฐานะเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ เป็นกรณีพิเศษเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ในวันที่ 22 มีนาคม 2543

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะ “ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค” ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) จัดงานสัมมนา “MIT Half-day Conference” ภายใต้แนวคิด “Insight to Impact: MIT-Driven Innovation for Asia’s Tomorrow” เพื่อเปิดมุมมองการพัฒนาและประยุกต์ใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี AI เกษตรกรรมดิจิทัล และระบบวิเคราะห์ข้อมูลอัจฉริยะ โดยในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก คุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน ตอกย้ำพันธกิจของธนาคารในการเป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ที่มุ่งมั่นสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและภาคธุรกิจในทุกมิติ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียสู่อนาคตแห่งนวัตกรรมอย่างยั่งยืน ในวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ระหว่างเวลา 09.00 น. - 12.00 น.

• หัวข้อ “Resilience of AI-Enabled Processes and Systems” นำเสนอมุมมองเกี่ยวกับความเสี่ยงของระบบและกระบวนการที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดย ศาสตราจารย์เร็ตเสฟ เลวี ผู้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ เจ สเปนเซอร์ สแตนดิช (1945) สาขาวิชาบริหารการปฏิบัติการ (Retsef Levi, J. Spencer Standish (1945) Professor of Management, Operations Management)
• หัวข้อ “Market and Incentive Design for Smallholder Sustainability” ถ่ายทอดแนวคิดการใช้กลไกตลาดและนโยบายจูงใจ เพื่อสร้างความเท่าเทียมและเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรรายย่อยเข้าถึงเทคโนโลยีและรายได้อย่างยั่งยืน โดย รองศาสตราจารย์แคเรน เจิง ผู้ดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ จอร์จ เอ็ม บังเคอร์ สาขาวิชาบริหารการปฏิบัติการ และผู้อำนวยการหลักสูตร ผู้นำด้านการจัดการระดับนานาชาติ (Karen Zheng, George M. Bunker Associate Professor, Associate Professor of Operations Management and Director, Leaders for Global Operations Program)
• หัวข้อ “Optimizing the Path Toward Food Security: Digitization and AI-Powered Systems” นำเสนอแนวทางการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับระบบห่วงโซ่อาหารให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์อาลี อาวาด สาขาวิชาบริหารการปฏิบัติการ และผู้ช่วยศาสตราจารย์โครงการพัฒนาเส้นทางอาชีพ สังกัดสโลนสคูล (MIT Sloan) (Assistant Professor Ali Aouad, Operations Management andSloan School Career Development Assistant Professor)
• หัวข้อ “Innovations in Sensing Technology” นำเสนอการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีตรวจจับในด้านอุตสาหกรรมอาหาร ชีวภาพ และการจัดการน้ำสุขภาพ และการจัดการห่วงโซ่อุปทาน โดย ดร. สเตซี่ สปริงส์ ผู้อำนวยการบริหาร ศูนย์นวัตกรรมชีวการแพทย์แห่งสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT Center for Biomedical Innovation) และผู้อำนวยการบริหาร โครงการวิเคราะห์และตรวจสอบความปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทานอาหาร (Food Supply Chain Analytics and Sensing Initiative) (Dr. Stacy Springs, Executive Director, MIT Center for Biomedical Innovation และ Executive Director, Food Supply Chain Analytics and Sensing (FSAS) Initiative)
• ปิดท้ายด้วยวงเสวนา หัวข้อ “Pathways for a Resilient and Sustainable Future” เส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน จากมุมมองคณะผู้ทรงคุณวุฒิจาก MIT ทั้ง 4 ท่าน และดำเนินรายการโดย คุณกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ

ธนาคารกรุงเทพ สร้าง 47 ผู้นำรุ่นใหม่ที่พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ธุรกิจสีเขียว จากหลักสูตร “Green Transition Academy รุ่นที่ 1” ด้วยองค์ความรู้ และเครื่องมือจัดการพลิกแผนธุรกิจรับเทรนด์ ESG และการเติบโตของตลาดคาร์บอนเครดิตโลกได้ทั้งห่วงโซ่อุปทาน ด้านผู้เรียนเตรียมนำความรู้ปรับแผนธุรกิจ ลดต้นทุน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คว้าโอกาสการแข่งขันอย่างยั่งยืน

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในพิธีปิดโครงการ “Green Transition Academy รุ่นที่ 1” ว่า โครงการฯ นี้ได้สร้าง 47 ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง สู่การเป็นธุรกิจสีเขียว โดยตลอดระยะเวลา 9 สัปดาห์ ได้เห็นเครื่องมือ แนวคิด และกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้กับองค์กรได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านกฎหมาย เทคโนโลยีพลังงานสะอาด คาร์บอนเครดิต หรือห่วงโซ่อุปทานสีเขียว โดยการใช้ประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตจะเป็นโอกาสใหม่ของภาคธุรกิจไทย เพราะคาดว่าภายในปี 2573 ตลาดคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจในระดับโลกจะขยายตัวเกิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นักลงทุนสถาบันทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับการประกอบธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืน หรือ ESG มากยิ่งขึ้น บริษัทที่มีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีจะได้รับความเชื่อมั่นมากกว่า สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอัตราที่ดีกว่า และได้เปรียบในการแข่งขัน

“ธนาคารเชื่อมั่นว่า การเปลี่ยนผ่านไม่ใช่ต้นทุน แต่คือการลงทุนระยะยาว ที่จะสร้างองค์กรให้แข็งแกร่งขึ้น และแข่งขันได้ดียิ่งขึ้นในตลาดโลก โดยธนาคารในฐานะ “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” พร้อมยืนเคียงข้างทุกท่านตลอดเส้นทางแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนด้านสินเชื่อและบริการทางการเงินที่เหมาะสม เช่น สินเชื่อบัวหลวงกรีน หรือโซลูชันอื่น ๆ เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถลงทุนในโครงการที่ยั่งยืนได้อย่างมั่นใจ” นายชาติศิริ กล่าว

ด้านนางสาวทิพย์นภา ดำรงวัฒนโภคิน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ฮูเวอร์อุตสาหกรรม (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้เรียนหลักสูตร “Green Transition Academy รุ่นที่ 1” และได้รับรางวัล ชนะเลิศการประกวด “Green Transition Strategy Awards” ด้วยแผนการลดก๊าซเรือนกระจก กล่าวว่า บริษัท ฮูเวอร์อุตสาหกรรม (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหนึ่ง ในผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางครบวงจรรายใหญ่ของไทย ซึ่งเดินหน้าปรับตัวเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การเลือกใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดของเสียในกระบวนการผลิต ซึ่งการปรับเปลี่ยนไปสู่ธุรกิจสีเขียวไม่ได้เป็นเพียงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ แต่เป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่สำคัญ ที่จะทำให้องค์กรสามารถแข่งขันได้ในระดับสากลอย่างยั่งยืน เพราะลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะแบรนด์ใหญ่ ๆ มีการกำหนดนโยบายด้านความยั่งยืน ที่เข้มงวดขึ้นทุกปี หากผู้ผลิตไม่สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ ก็จะสูญเสียโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโลก ในอีกมุมหนึ่ง การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมสีเขียวยังเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ที่น่าสนใจอีกด้วย

“หลักสูตรนี้ทำให้เรามองเห็นภาพรวมเชิงระบบในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกว่า เราสามารถจัดการหรือปรับปรุงขั้นตอนเหล่านั้นได้อย่างไรบ้าง เช่น การลงทุนในพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีการผลิต การปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักร, การวิจัยและพัฒนาวัสดุทดแทน โดยเน้นไปที่วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% หรือทำจากวัสดุชีวภาพ (Bio-based materials) ที่ลดการพึ่งพาทรัพยากรฟอสซิล เนื่องจากบรรจุภัณฑ์เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคและเจ้าของแบรนด์ทั่วโลกใช้พิจารณาเรื่องความยั่งยืนในปัจจุบัน เราสามารถนำความรู้ด้าน Carbon Accounting มาต่อยอดโดยการจัดทำ Carbon Footprint Label สำหรับผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยสร้างความโปร่งใสและเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้า ตลอดจนสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของเราในตลาดที่มีการแข่งขันสูง” นางสาวทิพย์นภา กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมประกาศรางวัลกลุ่มที่ชนะในการประกวด “Green Transition Strategy Awards” ภายใต้หัวข้อRace to Net Zero: Executive Strategy Challenge เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเขียนแผนกลยุทธ์การลดก๊าซเรือนกระจกจากบริบทองค์กรของตนเอง พร้อมรับคำแนะนำจาก บริษัท อีอาร์เอ็ม-สยาม จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการสามารถนำแผน และคำแนะนำที่ได้รับไปต่อยอดเป็นแผนการลดก๊าซเรือนกระจกขององค์กรที่นำไปประยุกต์ใช้ได้จริง โดยบริษัทตัวแทนกลุ่มที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ กลุ่มบริษัท ฮูเวอร์อุตสาหกรรม (ประเทศไทย) จำกัด และ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ร่วม ได้แก่ กลุ่มบริษัท แพค คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด และ กลุ่มบริษัท อกรีแอค โกลบอล จำกัด

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ รัชกาลที่ 9

นายอมร จันทรสมบูรณ์ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ นายปรีดี ดาวฉาย และนายวีระพัฒน์ ถกลศรี กรรมการธนาคาร นางสาวพจณี คงคาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมวางพวงมาลาถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องใน “วันนวมินทรมหาราช” พุทธศักราช 2568 เพื่อร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ ในวันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการธนาคาร นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท พร้อมด้วยนายทศพร เพ็ชรโปรี กรรมการบริษัท AXONS Technology (ในเครือ CPF) ร่วมเปิดหลักสูตรอบรม The Big Blue Ocean รุ่นที่ 4 ด้วยแนวคิด “ชนะได้ด้วยดิจิทัล” ดึงผู้บริหาร-ดิจิทัลกูรูชั้นนำระดับประเทศถ่ายทอดมุมมอง และประสบการณ์จริง ชี้โอกาสใหม่ให้ผู้ประกอบการก้าวข้ามความท้าทายด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยี AI อย่างมีประสิทธิภาพยั่งยืน

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพได้จัดหลักสูตร The Big Blue Ocean รุ่นที่ 4 โดยในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ชนะได้ด้วยดิจิทัล” เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมอัปเดตเครื่องมือดิจิทัลที่สามารถเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยมีผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญ จากหลากหลายสาขามาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ตรง นอกจากนี้ธนาคารยังตั้งใจให้หลักสูตรนี้ เป็นพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และประสบการณ์จริงระหว่างผู้เข้าร่วมหลักสูตรทุกคน เพื่อสร้างเครือข่ายแห่งความร่วมมือ สนับสนุนซึ่งกันและกันในการก้าวเข้าสู่โลกของ Digital Transformation อย่างมั่นใจ เพราะหัวใจของการเปลี่ยนแปลงองค์กร ไม่ได้อยู่ที่การมีแผนกลยุทธ์ที่ดี หรือการลงทุน ในเทคโนโลยีล้ำสมัยเท่านั้น แต่คือความสามารถในการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง การเรียนรู้จากทั้งความสำเร็จและความผิดพลาด รวมทั้งการนำบทเรียนเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทขององค์กร การเปลี่ยนแปลงจึงไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความมุ่งมั่น การเรียนรู้ และปรับตัวอย่างสม่ำเสมอ

“เป็นที่น่ายินดีว่าหลักสูตรนี้ได้รวบรวมผู้นำธุรกิจ ทายาทธุรกิจรุ่นใหม่และผู้บริหารระดับสูง จากหลากหลายอุตสาหกรรมที่กำลังขับเคลื่อนองค์กรเข้าสู่ยุคดิจิทัล มาร่วมเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน เชื่อว่านี่คือโอกาสอันดีในการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ที่มีคุณค่า การแลกเปลี่ยนแนวคิดระหว่างผู้ประกอบการชั้นนำ เรียนรู้แนวทางการเสริมศักยภาพ จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งธนาคารพร้อมสนับสนุนทุกธุรกิจในเส้นทางการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ ตามเจตนารมณ์การเป็น ‘เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน’ ที่จะร่วมสนับสนุนการเติบโตของภาคธุรกิจอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการให้คำปรึกษา ส่งเสริมองค์ความรู้ รวมทั้งจัดการสินเชื่อที่เหมาะสม เพื่อให้การปรับเปลี่ยนองค์กร และ Digital Transformation เป็นไปอย่างราบรื่น นำพาทุกธุรกิจก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดยุคดิจิทัลอย่างมั่นคง” นายชาติศิริกล่าว

นายทศพร เพ็ชรโปรี กรรมการบริษัท AXONS Technology (ในเครือ CPF) บรรยายในหัวข้อ Thriving in the age of intelligence transformation ในโอกาสเปิดโครงการนี้ว่า ความท้าทายของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีในปัจจุบันพบว่า มีอยู่ 4 เรื่องหลักได้แก่ 1) ความเสียเปรียบจากการแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีทุนสูง 2) เข้าถึงเทคโนโลยียาก ขาดบุคคากรที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีภายในบริษัท 3) องค์ความรู้กระจุกตัวอยู่กับบุคคลไม่ได้ถูกจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ และ 4) ขาดการเพิ่มเติมองค์ความรู้ใหม่ๆที่จำเป็นกับธุรกิจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเอาชนะได้ด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี และ AI อย่างง่ายดาย ซึ่งในขณะนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการทำ Digital Transformation เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีและนวัตกรรมมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นมาก ด้วยประสิทธิภาพที่แม่นยำ ใช้งานง่าย ทำให้ต้นทุนและระยะเวลาลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา

“การปรับตัวของภาคธุรกิจต้องเริ่มในตอนนี้ดีที่สุด เพราะหากปรับตัวช้าไปกว่านี้ธุรกิจก็จะมีความเสี่ยงและเสียโอกาสในการแข่งขัน โดย CPF เริ่มต้นวางรากฐานการนำ AI มาใช้บริการจัดการธุรกิจฟาร์ม ตั้งแต่หลังสถานการณ์ โควิด-19 โดยใช้ AI ในการเก็บข้อมูล ตรวจจับความผิดพลาดเพื่อยกระดับคุณภาพข้อมูล และสร้างชุมชนการเรียนรู้ด้วยการร่วมแชร์เคสรายเดือน จนต่อยอดจากทีมฟาร์มสู่ทีมขายและบัญชี ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการใช้ AI เข้ามาเป็นแกนหลักอันหนึ่งของธุรกิจ ทำให้เกิดผลสำเร็จได้จริง” นายทศพรกล่าว

สำหรับหลักสูตร The Big Blue Ocean รุ่นที่ 4 ได้รวมเนื้อหา Digital Transformation เอาไว้อย่างเข้มข้น พร้อมส่งตรงความรู้และประสบการณ์จากวิทยากรสุด Exclusive มากกว่า 20 ท่าน มาร่วมบรรยายและแชร์ประสบการณ์ผ่านหัวข้อที่น่าสนใจ ตลอด 11 สัปดาห์ อาทิ คุณดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) บรรยายในหัวข้อ Leadership in the Digital Era คุณเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล และ(รักษาการ)หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บรรยายในหัวข้อ Reimagine Digital Transformation: Building AI-First Organization, Mr. Axel Winter, CEO at Xponential Co., Ltd. บรรยายในหัวข้อ Agile and Team Capability Development, คุณพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บรรยายในหัวข้อ Change Management and Organization Alignment in the Age of AI รวมทั้งกิจกรรม Workshop ที่ผู้เข้าอบรมจะได้ลงมือวางแผนการนำ AI มาใช้ประโยชน์เสริมศักยภาพขององค์กรอย่างเหมาะสม

SC Asset ประกาศร่วมมือกับ ธนาคารกรุงเทพ เสริมความแข็งแกร่งการเงิน พอร์ตธุรกิจกลุ่มโรงแรมระดับ Global Brand และคอนโดซูเปอร์ลักชัวรี ระดับแฟลกชิพ เปิดบริการโรงแรม KROMO Bangkok, Curio Collection by Hilton แห่งแรกในไทย พร้อมเปิดตัว “Still Sukhumvit 20” คอนโดซูเปอร์ลักชัวรี ติดถนนใหญ่ใจกลางสุขุมวิท ไตรมาส 4/2568 นี้ รองรับดีมานด์ชาวไทย-ต่างชาติ ที่ต้องการที่พักอาศัยทั้งระยะสั้น-ยาว ย่านใจกลางธุรกิจ

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก พันธมิตรทางการเงินคนสำคัญอย่างธนาคารกรุงเทพ ที่มีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งต่อเนื่องมากว่า 2 ทศวรรษ สำหรับพัฒนา 2 โครงการสำคัญ ทำเลไพร์มติดถนนสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้า อโศก-พร้อมพงษ์ ได้แก่ 1.ครอโม แบงคอก, คิวริโอ คอลเล็กชัน บาย ฮิลตัน (KROMO Bangkok, Curio Collection by Hilton) โรงแรมภายใต้ไลฟ์สไตล์แบรนด์ คิวริโอ คอลเล็กชัน บาย ฮิลตัน แห่งแรกในประเทศไทย ติดถนนสุขุมวิท 29 และ 2. “สติลล์ สุขุมวิท 20” (Still Sukhumvit 20) โครงการคอนโดมิเนียมระดับแฟลกชิพแห่งปีของบริษัท ติดถนนสุขุมวิท มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/2568 นี้ นับเป็นการได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากโครงการในอดีตที่ผ่านๆ มา

“SC มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาอสังหาฯทุกโครงการ ให้สร้างคุณค่าสู่ผู้คนได้อย่างแท้จริง ความมุ่งมั่นนี้จะสำเร็จได้ นอกจากจะต้องมีทำเลที่สะดวกสบาย และสินค้า-บริการที่ตอบโจทย์ผู้คนอย่างใส่ใจ ยังต้องมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเชื่อมั่นในกันและกัน ผมขอขอบคุณธนาคารกรุงเทพสำหรับความเชื่อมั่นที่มีต่อ SC ในการพัฒนา 2 โครงการสำคัญนี้ ตลอดจนความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องตลอดกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ” นายณัฐพงศ์กล่าว

ทั้งนี้ SC Asset ยังคงมุ่งมั่นขยายพอร์ตของบริษัททั้งในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ตลอดจนธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income Business) ให้ได้ตามแผนงานอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมที่ขยายความร่วมมือร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพในฐานะ “ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค” มุ่งมั่นสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสร้างการเติบโตเพื่อคว้าโอกาสทางธุรกิจและยกระดับมาตรฐานบริการสู่ระดับสากล โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์สำหรับกลุ่มไฮเอนด์ (High-End Real Estate) ในไทยที่เติบโตอย่างโดดเด่น จากความต้องการของลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยธนาคารมีความยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนทางการเงิน แก่ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึง โรงแรมครอโม แบงคอก, คูริโอ คอลเลกชัน บาย ฮิลตัน (Kromo Bangkok, Curio Collection by Hilton) โรงแรมจากเครือชั้นนำระดับโลก ที่ผสมผสานวัฒนธรรมไทยเข้ากับความหรูหราแบบสากลได้อย่างลงตัว “ธนาคารกรุงเทพเชื่อมั่นในประสบการณ์อันยาวนาน และแข็งแกร่งของผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยอย่าง SC Asset ที่มุ่งมั่นพัฒนาโครงการคุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์ และได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเสมอมา เรามองว่าการพัฒนาแบรนด์ Kromo ซึ่งเป็น Global Brand แห่งแรกในไทย จะกลายเป็นแลนด์มาร์คด้าน Hospitality ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของกรุงเทพฯ และเป็นตัวอย่างสำคัญของการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ทั้งนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว ที่มองหาคุณภาพและความเป็นเลิศระดับโลก” นายชาติศิริ กล่าว

นอกจากนี้ในปี 2568 นี้ ธนาคารกรุงเทพ ยังได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี บนถนนสุขุมวิท 20 ซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District หรือ CBD) เพิ่มเติมอีก 1 โครงการ เชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าศักยภาพสูง อาทิ นักธุรกิจที่มี Business-Oriented Lifestyle รวมถึงนักธุรกิจต่างชาติที่ยังคงให้ความสำคัญกับการเข้ามาดำเนินธุรกิจในย่านศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญของไทย

การเงินเพื่ออนาคต - นางสาวพจณี คงคาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายลูกค้าบุคคล นายอภิรักษ์ ศรีตระกูลเกียรติ ผู้จัดการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 นายรุ่งโรจน์ พิพัฒนมงคล ผู้จัดการสาขาอุดรธานี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ในฐานะประธานเปิดงาน นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo และประธานพิธีเปิดงานมหกรรมการเงินอุดรธานี ครั้งที่ 12 (Money Expo Udonthani 2025) พร้อมด้วยนางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานร่วมมหกรรมการเงิน Money Expo ในโอกาสให้เกียรติเข้าร่วมพิธีเปิดบูธธนาคารกรุงเทพ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “It’s all connected with Bangkok Bank” เชื่อมต่อทุก Lifestyle ของลูกค้าในทุกๆ มิติ โดยธนาคารได้คัดสรรผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับตัวเองและครอบครัว อาทิ ผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ตอบโจทย์การออมและสร้างวินัยทางการเงิน ผลิตภัณฑ์สินเชื่อสำหรับเสริมสภาพคล่องและขยายโอกาสทางธุรกิจ ผลิตภัณฑ์กลุ่มประกันภัยและประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงและความมั่นคงของครอบครัว ผลิตภัณฑ์กองทุนรวมสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการลงทุนในระยะยาว และบริการทางการเงินดิจิทัลที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งได้รับความสนใจจากพี่น้องชาวจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ธนาคารได้จัดทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคล ในการช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมกับเป้าหมายและรูปแบบการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงวัยได้อย่างมั่นใจ ตอกย้ำบทบาทความเป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” เคียงข้างทุกเรื่องการเงิน โดยผู้ที่สนใจสามารถขอรับคำปรึกษาด้านการเงิน การลงทุน ตลอดจนสมัครบริการต่างๆ ที่มาพร้อมกับโปรโมชันพิเศษ ได้ที่บูธธนาคารกรุงเทพ ในงานมหกรรมการเงินอุดรธานี ครั้งที่ 12 (Money Expo Udonthani 2025) ระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม 2568 – 5 ตุลาคม 2568 ณ ลานโปรโมชัน ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อุดรธานี

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมแสดงพลังด้านความยั่งยืนในงาน Sustainability Expo 2025 ครั้งที่ 6 มหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ภายใต้แนวคิด “Growing Together” “เติบโต เคียงข้าง ยั่งยืน” ยกเคสความสำเร็จผ่าน 4 โครงการตัวอย่าง ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการผนวกความรับผิดชอบต่อสังคมเข้ากับกระบวนการดำเนินธุรกิจหลัก (CSR in process) ตอกย้ำการเป็น ‘ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค’ หนุนทุกภาคส่วนเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน โดยโอกาสนี้ นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่ และ นายสุวิทย์ อินทรเฉลิม เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายการประชาสัมพันธ์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับ ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ ประธานมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง หม่อมหลวงจิรพันธุ์ ทวีวงศ์ กรรมการและรองเลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานอำนวยการ Sustainability Expo 2025 และ นายแพทริค หอรัตนชัย ผู้อำนวยการ ผู้บริหารกิจการองค์กรประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ขณะให้เกียรติเยี่ยมชมบูธธนาคาร

นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ ‘ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค’ ร่วมออกบูธในงาน Sustainability Expo 2025 ครั้งที่ 6 ภายใต้แนวคิด “Growing Together” “เติบโต เคียงข้าง ยั่งยืน” หนึ่งในแนวคิดการดำเนินธุรกิจของธนาคารกรุงเทพ ที่เน้นการเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าและสังคม โดยนำเสนอผ่าน 4 โครงการตัวอย่าง ที่สร้างผลกระทบเชิงบวกและเป็นรูปธรรม เพื่อจุดประกายให้ประชาชน โดยเฉพาะภาคธุรกิจ ได้นำไปปรับใช้ ลดความเสี่ยงและลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ กฎระเบียบการค้าใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างยั่งยืน ได้แก่

1. โครงการ Bualuang Save the Earth: รักษ์ท่าจีน โดยธนาคารกรุงเทพ ร่วมกับชุมชน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ แก้ปัญหาขยะไหลลงสู่ท้องทะเลอ่าวไทย นำร่องในคลองหลวงสหกรณ์และคลองพิทยาลงกรณ์ ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 พร้อมติดตั้งเครื่องมือดักขยะ ได้แก่ ทุ่นดักขยะ กระชังไม้ไผ่ดักขยะ และเครื่องมือดักขยะแบบปักหลัก โดยสามารถดักขยะในน้ำก่อนไหลงลงสู่แม่น้ำท่าจีนและทะเลอ่าวไทย ได้รวมกว่า 36,665 กิโลกรัม(ข้อมูล ณ วันที่ 1 กันยายน 2568) ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 128,923 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า นอกจากนี้ธนาคารยังได้จัดตั้งธนาคารขยะชุมชน พร้อมนำหลัก 3R ได้แก่ Reduce Reuse Recycle ใช้ในการจัดการขยะชุมชนอย่างครบวงจร เพื่อสร้างความตระหนักรู้ ควบคู่ไปกับการสร้างประโยชน์และรายได้เสริมให้กับชุมชนอีกด้วย
2. โครงการ “ธนาคารกรุงเทพ ร่วมส่งมอบ 70 แสนซีซี บริจาคโลหิตต่อชีวิตทั่วไทย” เพื่อร่วมส่งมอบโลหิตสนับสนุนโครงการ “70 พรรษา 70 ล้านซีซี เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี” ของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล โดยขยายจุดรับบริจาคเคลื่อนที่ อีก 10 จุดจากเดิม 2 จุดในกรุงเทพมหานคร ที่ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่สีลม และอาคารพระราม 3 เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มโอกาสเข้าถึงกิจกรรมการบริจาคโลหิตให้กับลูกค้า ประชาชน พันธมิตร และพนักงานธนาคารที่ต้องการร่วมเป็น “ผู้ให้” อย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมบริจาคโลหิตประจำทุกไตรมาส ประกอบด้วย 1.) สาขาประตูช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ 2.) สาขาพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก 3.) สาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี 4.) สาขาถนนโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 5.) สาขาหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 6.) สาขาฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา 7.) สาขานครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 8.) สาขาอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี 9.) สาขาหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และ 10.) สาขาถนนชนเกษม จังหวัดสุราษฎร์ธานี
   
   ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพ ได้ดำเนินกิจกรรมตั้งจุดรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2539 จนถึงปัจจุบัน ได้ส่งมอบโลหิตให้กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย รวม 36,364,450 ซีซี สามารถนำไปช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้จำนวน 270,725 ราย (ข้อมูลณ วันที่ 31 สิงหาคม 2568)
3. การประกวดดนตรีไทย “ประลองเพลง ประเลงมโหรี” ธนาคารกรุงเทพ เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกและแห่งเดียว ที่ให้การสนับสนุนและร่วมดำเนินการจัดการประกวดดนตรีไทยระดับมัธยมศึกษา ประเภทการบรรเลงรับร้อง และการบรรเลงเดี่ยวเครื่องดนตรี อาทิ จะเข้ ระนาดทุ้ม ซออู้ ขลุ่ยเพียงออ ในชื่อ “ประลองเพลง ประเลงมโหรี” มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2529 เพื่อสนองพระราชปณิธาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการส่งเสริมให้เยาวชนไทยมีความรู้ ความเข้าใจในดนตรีไทยประเภทมโหรีที่ถูกต้อง สามารถถ่ายทอดเพื่ออนุรักษ์และสืบสานดนตรีไทยให้คงอยู่สืบไป โดยธนาคารกรุงเทพ ยังได้เผยแพร่เทปบันทึกการแสดงสดอันทรงคุณค่าของศิลปินไทยหลากหลายแขนง ทั้งการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีไทยตามขนบของราชสำนัก การละเล่น ดนตรีและเพลงพื้นบ้าน และศิลปะการแสดงร่วมสมัย ผ่านช่องทาง Facebook Page และ YouTube ในชื่อ “ศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ”
   
   ในการร่วมงาน SX 2025 ศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ ยังได้เชิญ เก่ง ธชย ประทุมวรรณ ศิลปินที่เคยผ่านเวทีประกวดดนตรีไทย ประลองเพลง ประเลงมโหรี มาบอกเล่าประประสบการณ์ของชีวิตคนดนตรี พร้อมโชว์การแสดงดนตรีไทยและขับร้อง บนเวที Talk Stage ในวันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2568 เวลา 12.00 น. - 13.30 น. นอกจากนี้ยังมีโชว์การบรรเลงดนตรีไทยและนาฏศิลป์ไทย โดยยุวศิลปิน จากโรงเรียนพาทยกุลการดนตรีและนาฏศิลป์ ในเวลา 11.00 น. - 12.00 น. บริเวณ Gathering Space ในวันเดียวกันด้วย
4. ผลิตภัณฑ์การเงินเพื่อความยั่งยืน ธนาคารกรุงเทพให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืน เพื่อส่งเสริมการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและเป้าหมายด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของลูกค้า ตลอดจนการสนับสนุนนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy) ของประเทศ สำหรับภาคธุรกิจและเอสเอ็มอี อาทิ สินเชื่อบัวหลวงเพื่อการปรับตัวธุรกิจ สินเชื่อบัวหลวงกรีนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และสำหรับภาคครัวเรือน อาทิ สินเชื่อบัวหลวงพูนผลกรีน เป็นต้น
   
   ภายในบูธ ธนาคารได้ฉายภาพความสำเร็จของลูกค้าส่วนหนึ่ง ที่ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อปรับเปลี่ยนสู่ธุรกิจสีเขียว ได้แก่ บริษัท คอรัล ไลฟ์ จำกัด ผู้นำนวัตกรรมอาคารประหยัดพลังงานครบวงจร บริษัท ฮิลล์คอฟฟ์ จำกัด ธุรกิจขายกาแฟ ที่สร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม บริษัท โรงเลื่อยจักรท่าเสา จำกัด ธุรกิจแปรรูปไม้สักครบวงจร ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “Green Product สู่ความยั่งยืน” บริษัท บูรพา พรอสเพอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายแป้งจากข้าวสำเร็จรูป ดำเนินธุรกิจโดยเน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด ธุรกิจผลิตจำหน่ายน้ำมันพืช ที่ให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรม และ บริษัท ลำปางฟู้ดโปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารและสินค้าแปรรูป ที่มุ่งมั่นพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรเพื่อชีวิตที่มั่นคงของเกษตรกร พนักงาน คู่ค้าและผู้ลงทุน

เพื่อนคู่คิดการลงทุน - ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โดย นางสาวพัณณิดา ไพรัตน์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายหลักทรัพย์บริการ ในฐานะผู้แทนธนาคาร ร่วมพิธีลงนามสัญญาแต่งตั้งบริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคลสหกรณ์ออมทรัพย์ ปตท. จำกัด โดยธนาคารกรุงเทพ เป็นสถาบันการเงินเพียงแห่งเดียวที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้รับฝากทรัพย์สินของกองทุนฯ มูลค่าทรัพย์สินรวม 1,200 ล้านบาท ซึ่งมีบทบาทในการสนับสนุนธุรกรรมด้านการลงทุนของสหกรณ์ฯ ผ่านบริษัทจัดการกองทุน ในด้านต่างๆ อาทิ การส่งมอบและชำระราคาหลักทรัพย์ (Settlement) การเก็บรักษาหลักทรัพย์ (Safekeeping) การจัดการและติดตามสิทธิประโยชน์ของหลักทรัพย์ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริการรับฝากทรัพย์สิน ด้วยระบบงานมาตรฐานสากล พร้อมบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เพื่อดูแลทรัพย์สินการลงทุนของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามวัตถุประสงค์ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าสถาบันการเงินทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งใช้บริการรับฝากทรัพย์สินมากว่า 40 ปี เคียงข้างดูแลทุกเรื่องการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืน

เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์การเงิน - นางสาวพจณี คงคาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายลูกค้าบุคคล นางสาวนุชจรี ภูมิภัทรพงศ์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ผู้จัดการภาคกลาง 1 และนายพงษ์ศักดิ์ อุไรสัมฤทธิ์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Assistant Vice President ผู้จัดการภาค 2 ลูกค้าธุรกิจรายปลีก ต่างจังหวัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และพนักงานธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับ นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo และประธานพิธีเปิดงานมหกรรมการเงินระยอง ครั้งที่ 7 (Money Expo Rayong 2025) พร้อมด้วยนางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานร่วมมหกรรมการเงิน Money Expo ในโอกาสเยี่ยมชมบูธธนาคารกรุงเทพ ภายใต้แนวคิด “It’s all connected with Bangkok Bank” เชื่อมต่อลูกค้าให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ และบริการทางเงิน ได้ง่าย สะดวก ปลอดภัย ช่วยวางแผนชีวิตให้มีความยืดหยุ่นได้ทุกที่ ทุกเวลา พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ก้าวไปสู่ความมั่งคั่ง และมั่นคงได้อย่างยั่งยืนร่วมกัน โดยธนาคารได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ และบริการเด่นที่มาพร้อมโปรโมชันพิเศษมากมาย เพื่อนำเสนอภายในงานมหกรรมการเงินระยอง ครั้งที่ 7 ตอกย้ำบทบาท ‘เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน’ เคียงข้างทุกเรื่องการเงิน

สำหรับลูกค้า และผู้สนใจขอรับคำปรึกษาด้านการเงิน การลงทุน ตลอดจนสมัครบริการต่างๆ พร้อมรับโปรโมชันพิเศษ ได้ที่บูธธนาคารกรุงเทพ ในงานมหกรรมการเงินระยอง ครั้งที่ 7 (Money Expo Rayong 2025) ระหว่างวันที่ 5 กันยายน 2568 -7 กันยายน 2568 ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระยอง

วันพุธที่ 3 กันยายน 2568 เวลา 09.30 น. ที่ผ่านมา ณ อาคารชัยพัฒนา สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชวโรกาสให้ คณะผู้จัด การประกวดดนตรีไทย ระดับมัธยมศึกษา ‘ประลองเพลง ประเลงมโหรี’ ครั้งที่ 36 จากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นำโดย นางสาวพจณี คงคาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ นายอภิวัฒน์ ปุณโณปกรณ์ นายสุวิทย์ อินทรเฉลิม เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายการประชาสัมพันธ์ นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ที่ปรึกษาฝ่ายการประชาสัมพันธ์ และศิลปินแห่งชาติ ร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ นำโดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง นายอนุกุล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง และนางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) พร้อมด้วย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์พูนพิศ อมาตยกุล ประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมกิจกรรมดนตรีไทย นำคณะเยาวชนที่ชนะเลิศการประกวดดนตรีไทยระดับมัธยมศึกษา ประลองเพลง ประเลงมโหรี ครั้งที่ 36 ประจำปี 2567 เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานรางวัล จากการประกวดในประเภทต่างๆ ประกอบด้วย ประเภทการบรรเลงรับร้อง (วงมโหรี) ถ้วย ก ประเภทการบรรเลงรับร้อง (วงมโหรี) ถ้วย ข และการบรรเลงเดี่ยวเครื่องดนตรีและขับร้อง โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา มีโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา เข้าร่วมการประกวดจำนวน 70 โรงเรียน มีนักเรียนเข้าร่วมการประกวดกว่า 1,000 คน โดยผู้ชนะเลิศการประกวดในแต่ละประเภท มีดังต่อไปนี้

• รางวัลชนะเลิศ ประเภทการบรรเลงรับร้อง (วงมโหรี) ถ้วย ก ได้แก่ วงวิทยาลัยนาฏศิลป
• รางวัลชนะเลิศ ประเภทการบรรเลงรับร้อง (วงมโหรี) ถ้วย ข ได้แก่ วงวิทยาลัยนาฏศิลป
• รางวัลชนะเลิศ ประเภทการบรรเลงเดี่ยวเครื่องดนตรี จะเข้ ได้แก่ นางสาวปารวี หอมนิยม โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว
• รางวัลชนะเลิศ ประเภทการบรรเลงเดี่ยวเครื่องดนตรี ระนาดทุ้ม ได้แก่ นายวีรภัทร ดิเรกโภค โรงเรียนมัธยม สังคีตวิทยา กรุงเทพมหานคร
• รางวัลชนะเลิศ ประเภทการบรรเลงเดี่ยวเครื่องดนตรี ซออู้ ได้แก่ นางสาวนิชนันท์ กัลยาบาล โรงเรียนบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น
• รางวัลชนะเลิศ ประเภทการบรรเลงเดี่ยวเครื่องดนตรี ขลุ่ยเพียงออ ได้แก่ เด็กชายณเรศ เอกสนธิ์ โรงเรียนเทพศิรินทร์
• รางวัลชนะเลิศ ประเภทเดี่ยว ขับร้องเพลงไทย ได้แก่ นางสาวโศจิรัตน์ เกิดมงคล วิทยาลัยนาฏศิลป

ธนาคารกรุงเทพ เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกและแห่งเดียว ที่สนับสนุนและร่วมดำเนินการจัดประกวดดนตรีไทย ประเภทวงมโหรี ในชื่อ “ประลองเพลง ประเลงมโหรี” ระดับมัธยมศึกษา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 36 (งดการจัดกิจกรรม 3 ปี คือ 2563-2565 ตามมาตรการ เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด19) เพื่อสนองพระราชปณิธาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในการส่งเสริมให้เยาวชนไทยมีความรู้ความเข้าใจดนตรีไทยประเภทมโหรีที่ถูกต้อง และสามารถถ่ายทอดให้แก่ผู้อื่นได้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสานดนตรีไทยประเภทมโหรีให้ดำรงอยู่สืบไป ตอกย้ำความเป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” เคียงข้างสังคมไทยในทุกมิติ

โดยในปี 2568 ธนาคารกรุงเทพ ยังคงร่วมกับกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดการประกวดดนตรีไทยระดับมัธยมศึกษา ประลองเพลง ประเลงมโหรี ครั้งที่ 37 ในประเภทต่างๆ ประกอบด้วย

• การบรรเลงรับร้อง (วงมโหรี) ถ้วย ก และ ถ้วย ข เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 19 กันยายน 2568
• การบรรเลงเดี่ยวเครื่องดนตรีและขับร้อง เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 27 ตุลาคม 2568 สามารถส่งใบสมัคร พร้อมหนังสือรับรองสถานภาพการศึกษา รวมทั้งผลงานที่ใช้ประกวด ได้ที่ ฝ่ายการประชาสัมพันธ์ ชั้น 4 ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ เลขที่ 333 ถนนสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500 ศึกษารายละเอียดและดาวน์โหลดไปสมัครได้ที่ https://www.bangkokbank.com/th-TH/About-Us/Corporate-Social-Responsibility/Thai-music-contest โทร. 0 2230 2711 และ 0 2230 2715