Online Banking
ลูกค้าบุคคล
- บัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง
- บัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง
- บัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง
- โมบายแบงก์กิ้ง
- โมบายแบงก์กิ้ง
- โมบายแบงก์กิ้ง
- บัวหลวง ไอฟันด์
ธนาคารกรุงเทพ จัดมหกรรมสินค้า “บัวหลวงเอสเอ็มอีแฟร์ 2563” ครั้งที่ 12 จัดช่องทางช้อปทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ ต่อสายป่านธุรกิจ พร้อมแนะ SME ปรับตัวฝ่าวิกฤติ เติบโตต่อได้ในยุค Next Normal
18 ธันวาคม 2563
ธนาคารกรุงเทพ จัดมหกรรมจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ “บัวหลวงเอสเอ็มอีแฟร์ 2563” ครั้งที่ 12 นำผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยมหลายร้อยรายการ ส่งตรงจากผู้ผลิตสมาชิกชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี กว่า 100 ราย พร้อมเสิร์ฟถึงมือผู้บริโภคให้ช้อปได้ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ เคียงข้างเป็น “เพื่อนคู่คิด” พาธุรกิจฝ่าวิกฤติ เติบโตต่อได้ในยุค Next Normal
นายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพจัดงาน “บัวหลวงเอสเอ็มอีแฟร์ 2563” งานมหกรรมจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษจากสมาชิกชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี กว่า 100 ราย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยแบ่งเบาผู้บริโภคให้สามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพเยี่ยมในราคาพิเศษ ซึ่งในงานครั้งนี้ได้รวบรวมสินค้าไว้หลายร้อยรายการ อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์มือถือ ชุดเครื่องนอน กระเป๋าเดินทาง รองเท้าแบรนด์ดัง อาหารและอาหารทะเลแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ของขวัญของชำร่วย และสินค้าคุณภาพอื่นๆ อีกหลากหลาย โดยงานในปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม 2563 ณ บริเวณลานด้านหน้าธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่สีลม
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เพิ่มช่องทางใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ขาช้อปได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มแพลตฟอร์มโซเชียลคอมเมิร์ซ Facebook Group “บัวหลวงเอสเอ็มอีแฟร์” อีกหนึ่งช่องทาง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและรองรับพฤติกรรมลูกค้าในยุค Next Normal เพียงแค่คลิก https://www.facebook.com/groups/373578103954190 ก็สามารถเลือกช้อปสินค้าคุณภาพได้จากทุกที่ที่ต้องการ ไม่ต่างจากการมาเดินเลือกซื้อสินค้าภายในงานด้วยตัวเอง
สำหรับงานมหกรรมสินค้า “บัวหลวงเอสเอ็มอีแฟร์” ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2552 ด้วยแนวคิดของ คุณโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ อดีตประธานกรรมการบริหาร เพื่อสนับสนุนการเพิ่มช่องทางการตลาดและรายได้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจที่เป็นสมาชิกชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี ขณะเดียวกันยังเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพสูงในราคาพิเศษ จากผู้ผลิตที่นำมาจำหน่ายโดยตรง ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ประสบความสำเร็จอย่างสูงตั้งแต่ปีแรก และจัดต่อเนื่องตลอดมาทุกปี จนปัจจุบันนับเป็นครั้งที่ 12 แล้ว
“ธนาคารให้ความสำคัญอย่างสูงสุดกับการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้มาร่วมงาน จึงได้จัดงานภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยขอความร่วมมือให้ผู้ร่วมงานทุกคนสวมหน้ากากอนามัย และให้ความสำคัญในการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) ในระหว่างเลือกซื้อสินค้าภายในงาน พร้อมทั้งยังมีโปรโมชั่น “สแกนจ่าย ได้เงินคืน” สำหรับการจ่ายค่าสินค้าแบบดิจิทัล เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เงินสด สำหรับลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่ชำระเงินผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking ในร้านค้าที่ร่วมรายการ ตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป รับเงินคืน (Cash Back) 20 บาทต่อรายการ (ลูกค้าจะได้รับเงินคืนเข้าบัญชีที่ใช้สแกนจ่ายในวันถัดไป สูงสุด 100 บาทต่อคน จำกัด 1,000 สิทธิ์ ตลอดงาน) ขณะเดียวกัน ธนาคารยังมีบริการ BeMerchant ผู้ช่วยสำหรับร้านค้ายุคดิจิทัล เพื่อรับการชำระค่าสินค้าด้วย QR Code ลดความยุ่งยากในการจัดการเงินสดและช่วยสรุปยอดขาย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่คนกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้เงินสดอีกด้วย”
นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ตลอดปี 2563 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญปัญหารอบด้าน โดยเฉพาะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาของประเทศไทย แต่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วโลก กลายเป็นโจทย์สำคัญของผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอี จำเป็นต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อประคองธุรกิจให้รอดพ้นวิกฤติและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต เพราะแม้สถานการณ์จะเริ่มฟื้นตัวกลับมา แต่สิ่งต่างๆ รอบตัวจะเปลี่ยนแปลงไป ทั้งวิธีคิด พฤติกรรม และรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หรือเข้าสู่ยุค Next Normal ทำให้ธุรกิจที่ยังอยู่ในวิถีเดิมๆ คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม จะไม่สามารถอยู่รอดได้
ธุรกิจยุค Next Normal จึงควรยึดหลัก “2L 2ต.” เป็นหัวใจในการทำธุรกิจ ประกอบด้วย Light ธุรกิจต้องเบา คล่องตัว ไม่มีกระบวนการยุ่งยากซับซ้อน เพราะทำให้ประสิทธิภาพต่ำลง Liquid มีสภาพคล่องเพียงพอ ขณะเดียวกันต้องทำสินค้าหรือบริการนั้นต่างจากคู่แข่ง เพื่อให้แข่งขันได้ ไม่ต้องไปสู้ในสงครามราคา และต้องมีต้นทุนต่ำ เพื่อให้ขายสินค้าในราคาที่เหมาะสม เพราะแนวโน้มคนจะมีรายได้ลดลง และระมัดระวังเรื่องใช้จ่ายมากขึ้น ธุรกิจจึงต้องทำให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่า ได้สินค้าดี ที่ราคาไม่แพง
“การปรับตัวของธุรกิจเอสเอ็มอีในเวลานี้ จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่และสำคัญมาก ถ้าเป็นอาการป่วยคงอยู่ในภาวะที่ต้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน เพื่อต่อสู้กับโรคที่กำลังเผชิญและรักษาให้หายขาด แต่ขณะเดียวกันการประคับประคองเพื่อแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า หรือการรักษาตามอาการก็ยังจำเป็นต้องทำควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้ธุรกิจผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากตรงหน้าไปให้ได้ก่อน ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” พร้อมเคียงข้างธุรกิจเอสเอ็มอี มีหลากหลายมาตรการให้ความช่วยเหลือ ทั้งการดูแลสภาพคล่อง การให้คำปรึกษาเพื่อวางแผนและบริหารจัดการทางการเงิน รวมทั้งการจัดการแก้ปัญหาหนี้ที่ภาคธุรกิจต้องแบกรับ ด้วยการพิจารณาสินเชื่อต่างๆ หรือการเข้าร่วมโครงการ DR BIZ เพื่อช่วยลูกค้าเอสเอ็มอีแก้หนี้แบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว และเป็นอีกหนึ่งแนวทางให้ความช่วยเหลือลูกค้าให้อยู่รอดไปด้วยกันในภาวะวิกฤติเช่นนี้”