ธนาคารกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติในการต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อเป็นกรอบการปฏิบัติให้พนักงานทุกคน ครอบคลุมตั้งแต่การประเมินและการจัดการความเสี่ยงด้านการทุจริตคอร์รัปชัน จนถึงการแจ้งเบาะแส ข้อมูล หรือข้อร้องเรียน ธนาคารจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติตามนโยบายเป็นประจำทุกปี พร้อมทั้งมีการจัดอบรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการคอร์รัปชันและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นให้แก่พนักงานทุกคน หากพบว่าพนักงานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าว ธนาคารจะดำเนินการตรวจสอบตามกระบวนการทางวินัย และ จะลงโทษหากพบว่ามีความผิดจริง ตั้งแต่การตักเตือนไปจนถึงการปลดออกจากงานหรือการดำเนินคดีตามกฎหมาย
ธนาคารได้รับการยอมรับในฐานะสถาบันการเงินที่มีส่วนสำคัญ ในการสนับสนุนการต่อต้านคอร์รัปชันโดยได้รับการรับรอง เป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2558 นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เชิญชวนให้คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจของธนาคารเข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่าย แนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย เพื่อขยาย ความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชันออกไปในวงกว้างขึ้น

การจัดการความเสี่ยงด้านคอร์รัปชัน
ธนาคารมีการจัดการความเสี่ยงด้านคอร์รัปชันที่มีประสิทธิผลและเหมาะสมกับบริบททางธุรกิจของธนาคาร โดยมีขั้นตอนดังนี้
- การระบุประเด็นความเสี่ยงด้านคอร์รัปชันที่ธนาคารอาจเข้าไป มีส่วนเกี่ยวข้องผ่านการดำเนินธุรกิจของธนาคาร
- การประเมินความเสี่ยงด้านคอร์รัปชันและความรุนแรงของผลกระทบ
- การกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมความเสี่ยง โดยผู้บริหารหน่วยงานหรือหัวหน้างานที่เกี่ยวข้องกับแต่ละประเด็นความเสี่ยงจะเป็นผู้ดำเนินการใน 3 ขั้นตอนแรกนี้เป็นประจำทุกปี ผลการประเมินและข้อมูลทั้งหมดจะถูกจัดเก็บรวบรวมไว้เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และอ้างอิงต่อไป
- การติดตาม ดูแล และตรวจสอบภายใต้หลักการป้องกัน 3 ชั้น โดยในชั้นแรก ผู้รับผิดชอบหน่วยงานธุรกิจทำหน้าที่จัดการความเสี่ยงในหน่วยงานของตนในชั้นที่สอง หน่วยงานบริหารความเสี่ยงและหน่วยงานกำกับดูแลทำหน้าที่ดูแลและติดตามการจัดการความเสี่ยงและในชั้นสุดท้าย หน่วยงานตรวจสอบ และควบคุมทำหน้าที่ตรวจสอบการดำเนินงานอย่างเป็นอิสระ และรายงานต่อผู้รับผิดชอบตามสายการบังคับบัญชา
ในปี 2567 ธนาคารไม่มีกรณีกล่าวโทษหรือข้อร้องเรียน ที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันและการติดสินบน และการขัดกัน ของผลประโยชน์จากธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และสำนักงาน ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารไม่สนับสนุนกิจกรรม ล็อบบี้และไม่สนับสนุนกิจกรรมทางการเมือง พรรคการเมือง นักการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือ ผู้มีบทบาททางการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม
การป้องกันการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
การป้องกันการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายเป็นประเด็นที่ธนาคารให้ความสำคัญใน ระดับสูงมาโดยตลอด ธนาคารกำหนดนโยบายการป้องกันการฟอก เงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ซึ่งรวมถึงการป้องกันการสนับสนุนทางการเงินแก่การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง เพื่อเป็นกรอบการดำเนินงานของธนาคารและเพื่อป้องกันไม่ให้ธนาคารถูกใช้เป็นช่องทางหรือ เป็นเครื่องมือเพื่อกระทำการดังกล่าว คณะกรรมการและพนักงาน ทุกคนมีหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวโดยเคร่งครัด ธนาคารมีกระบวนการทำความรู้จักลูกค้าและมีการกำหนด ความเข้มข้นในการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า ให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงของลูกค้า ในกรณีที่ลูกค้าเป็น ผู้ที่มีระดับความเสี่ยงสูง ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีสถานภาพทางการเมือง ธนาคารกำหนดให้มีการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ลูกค้าดังกล่าวอย่างเข้มข้น พร้อมทั้งติดตามความเคลื่อนไหวทาง บัญชีในระดับที่เข้มข้นกว่าปกติ ธนาคารได้พัฒนาระบบงานภายใน ให้สามารถตรวจสอบรายชื่อลูกค้ากับรายชื่อในฐานข้อมูลบุคคลที่ ถูกกำหนด บุคคลต้องห้ามและบุคคลกลุ่มเสี่ยงสูงตามที่ทางการกำหนด เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าหน้าที่ของธนาคารในการตรวจสอบและจัดระดับความเสี่ยงของลูกค้า ธนาคารมีระบบ ตรวจทานบัญชีและติดตามความเคลื่อนไหวทางการเงินหรือ การทำธุรกรรมที่มีความน่าสงสัย และมีการเก็บรักษาเอกสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเป็นระยะเวลา 10 ปี นอกจากนี้ ธนาคารยังมีระบบจัดการความเสี่ยง การกำกับดูแล ตรวจสอบ และติดตาม การดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแนวทางการป้องกัน 3 ชั้น ตลอดจนมีการสื่อความและอบรมให้แก่พนักงานทุกคน อย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของธนาคารเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของทางการ ในปี 2567 ธนาคาร ไม่มีกรณีกล่าวโทษ หรือได้รับข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือการใช้ข้อมูลภายใน
การจัดการภัยทุจริตทางการเงิน
การถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงินผ่านเครือข่ายโทรศัพท์หรือช่องทางออนไลน์กำลังเป็นปัญหาที่สำคัญในสังคมไทย ธนาคารได้ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการยกระดับมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงินตามแนวนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันมิให้มิจฉาชีพเข้าถึงประชาชน ตรวจจับและติดตามธุรกรรมต้องสงสัยหรือบัญชีที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรับเงินและถ่ายโอนเงินจากการหลอกลวงของมิจฉาชีพ (บัญชีม้า) ตลอดจนตอบสนองและรับมือต่อเหตุการณ์เพื่อช่วยเหลือและเยียวยา ผู้ใช้บริการอย่างเหมาะสม โดยการยกระดับมาตรการดังกล่าวประกอบด้วยมาตรการ 2 กลุ่ม ดังนี้

มีการยกระดับการจัดการบัญชีม้าจากระดับบัญชีขึ้นเป็นระดับบุคคลโดยธนาคารมีการจัดระดับบุคคลตามความเสี่ยงและกำหนดมาตรการจัดการกับบัญชีที่ต้องสงสัยว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดและเจ้าของบัญชีตามระดับความเสี่ยง เช่น การระงับช่องทางการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การปฏิเสธ การเปิดบัญชีใหม่ การปรับระดับความเสี่ยงลูกค้าเป็นลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงพร้อมกับดำเนินการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับลูกค้าในระดับเข้มข้น เป็นต้น โดยพิจารณาจากแหล่งข้อมูล ดังนี้
- บุคคลที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งควรได้รับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ตามรายชื่อที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกำหนด
- บุคคลต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเส้นทางการเงินที่ธนาคาร ได้รับแจ้งรายชื่อจากระบบ Central Fraud Registry ซึ่งเป็น ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลเส้นทางการเงินของภาคธนาคารตามกฎหมาย
- บุคคลที่ธนาคารตรวจสอบแล้วเห็นว่ามีพฤติกรรมต้องสงสัยกระทำความผิด

ธนาคารได้ยกระดับความมั่นคงปลอดภัยของการให้บริการทางการเงินและการชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อป้องกัน การสวมรอยทำธุรกรรมแทนผู้ใช้บริการ เช่น การมีทางเลือกให้ลูกค้าสามารถล็อกเงินในบัญชีไม่ให้ทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และกำหนดวิธีการปลดล็อกที่รัดกุมมากขึ้น การให้ลูกค้าสามารถปรับจำนวนเงินสูงสุดต่อรายการในการทำธุรกรรม โอนเงินแต่ละครั้งที่ต้องมีการยืนยันตัวตนเพิ่มเติมโดยการสแกน ใบหน้า การจำกัดการใช้บริการโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพของ ผู้ใช้บริการเพียง 1 บัญชีผู้ใช้งาน 1 หมายเลขโทรศัพท์มือถือ และจำกัดให้ใช้งานบน 1 อุปกรณ์ของผู้ใช้บริการเท่านั้น