นายชาติศิริ โสภณพนิช (ที่ 5 จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ ดร.พนุกร จันทรประภาพ (ที่ 5 จากซ้าย) เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายการลงทุน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายลอร์เรนซ์ มอร์แกน (ที่ 6 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนสท์ ร่วมกันเปิดตัวโครงการ Bangkok Bank InnoHub อย่างเป็นทางการ ภายหลังประสบผลสำเร็จในการสรรหา 8 บริษัท สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคระดับเวิลด์คลาส หรือบลูฟิน จากที่ส่งเข้าแข่งขันจำนวน 119 บริษัท จาก 32 ประเทศทั่วโลก ภายใต้แนวคิดหลัก Inspiring Change เพื่อเข้าอบรมหลักสูตรเข้มข้นที่ได้รับการออกแบบให้มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยมีผู้บริหารจากธนาคารกรุงเทพ และผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมการลงทุนชั้นนำระดับโลกจากเนสท์ มาร่วมกันบ่มเพาะศักยภาพของสตาร์ทอัพ Bluefin ทั้ง 8 ทีม รวม 12 สัปดาห์ ก่อนขึ้นเวที Demo day ในเดือนกันยายน 2560 ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการนำเสนอแผนธุรกิจต่อกลุ่มนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อก้าวไปสู่การระดมพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างกันในอนาคต ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน สำหรับสตาร์ทอัพ Bluefin ทั้ง 8 ทีม ประกอบด้วย ทีมผู้พัฒนาบริการด้าน Wealth Management 3 แห่ง ได้แก่ Bambu, Bento และ Canopy ประเทศสิงคโปร์ ด้าน Security ได้แก่ Covr Security ประเทศสวีเดน ด้าน Block chain ได้แก่ Everex ประเทศไทย ด้าน Lending ได้แก่ First Circle ประเทศฟิลิปปินส์ ด้าน P2P Invoice Trading ได้แก่ Invoice Interchange ประเทศสิงคโปร์ และด้าน Mutual Fund Investment ได้แก่ FundRadars ประเทศไทย ทั้งนี้ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดตามความเคลื่อนไหวโครงการ Bangkok Bank InnoHub ได้ที่ www.bangkokbankinnohub.com และ Social Media ทาง Facebook, IG, YouTube และ Twitter โดยพิมพ์ Bangkok Bank InnoHub

ธนาคารกรุงเทพ พร้อมพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในนวัตกรรมและพัฒนาศักยภาพของสตาร์ทอัพชั้นนำระดับโลก ‘เนสท์’ ประสบความสำเร็จในการสรรหา ‘Bluefin’ 8 สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทค ระดับเวิลด์คลาสจาก 32 ประเทศทั่วโลก เข้าสู่โครงการ ‘Bangkok Bank InnoHub’ เข้าอบรมหลักสูตรเข้มข้นที่ได้รับการออกแบบให้มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะ ร่วมทำงานกับธนาคารกรุงเทพ และเนสท์ รวม 12 สัปดาห์ ก่อนขึ้นเวทีวัน Demo Day ในเดือนกันยายน 2560 โอกาสสำคัญในการนำเสนอแผนธุรกิจต่อกลุ่มนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อก้าวไปสู่การระดมทุน และร่วมเป็นพันธมิตร

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นับเป็นความสำเร็จอีกขั้นของ ‘Bangkok Bank InnoHub’ โครงการที่ธนาคารกรุงเทพได้ให้ความสำคัญและมุ่งเน้นในการสานต่อนโยบายร่วมเป็นพันธมิตรสนับสนุนการพัฒนาบริษัทสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทค(FinTech : Financial Technology) ที่จะเป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและธุรกิจการเงินในอนาคตของไทย รวมถึงความสำคัญต่อการกำหนดกลยุทธ์และแผนงานด้านดิจิทัล ในการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ คิดค้นและสร้างสรรค์บริการทางการเงินอย่างเป็นรูปธรรมของธนาคารให้ดียิ่งขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากการระดมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทางการเงินเข้ามาร่วมสร้างและจัดตั้งทีมฟินเทค ในการวางกลยุทธ์และกำหนดทิศทางธุรกิจในหลายด้านเพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารจะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมและพร้อมรับมือกับความท้าทายจากเทคโนโลยีทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ธนาคารกรุงเทพ ร่วมกับ ‘เนสท์’ ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในนวัตกรรมและพัฒนาศักยภาพของสตาร์ทอัพชั้นนำระดับโลก ประสบความสำเร็จในการสรรหา 8 สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคระดับเวิลด์คลาส จาก 32 ประเทศทั่วโลก

“นับเป็นโครงการที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นสากล ด้วยธนาคารกรุงเทพในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำระดับภูมิภาค และตอกย้ำด้วยจำนวนบริษัทที่สมัครเข้าร่วมโครงการ ทั้งจากยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย เอเชียรวมถึงประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ทำให้ธนาคารเชื่อว่า Bangkok Bank InnoHub จะสามารถเชื่อมโยงและสนองตอบนโยบายพัฒนาประเทศ 4.0 ของรัฐบาลในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่เน้นการให้บริการ อีกทั้งมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและร่วมผลักดันระบบ Ecosystem ของประเทศไทย เพื่อมอบโอกาสให้สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคในประเทศได้ขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้กับสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคระดับโลกสามารถสร้างเครือข่าย และความร่วมมือกับชุมชนฟินเทคในประเทศไทยและอาเซียนอีกทางหนึ่ง”

มร. ลอร์เรนซ์ มอร์แกน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนสท์ ที่ประสบความสำเร็จด้านการจัดโครงการสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคให้กับบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ทั่วโลก เปิดเผยว่า โครงการ Bangkok Bank InnoHub มีจุดเด่นที่เปิดรับสตาร์ทอัพหน้าใหม่ทั้งจากประเทศไทยและทั่วโลก ดังนั้น หลักสูตรอบรมเข้มข้นของ Bangkok Bank InnoHub จึงได้รับการออกแบบบนพื้นฐานของความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมระดับสากล ให้มีความโดดเด่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะ อาทิ เมนเทอร์สตาร์ทอัพที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในธุรกิจไทยและทั่วโลกมาเป็นพี่เลี้ยงอย่างใกล้ชิด ให้คำปรึกษา ช่วยวางกลยุทธ์ และช่วยให้ผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ต้องการ

โครงการอบรมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2560 ซึ่งสตาร์ทอัพทั้ง 8 ทีมจะได้รับการดูแลและร่วมทำงานกับผู้บริหารมืออาชีพที่มากด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการเงินของธนาคารกรุงเทพ อีกทั้งเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง มากด้วยประสบการณ์ และความสำเร็จจากการทำโครงการในลักษณะเดียวกันของเนสท์ให้กับองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก จากนั้นในช่วงปลายเดือนกันยายน 2560 จะเป็นวัน Demo Day ที่เปิดเวทีให้สตาร์ทอัพทั้ง 8 นำเสนอแผนธุรกิจต่อกลุ่มนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบประเทศอาเซียน รวมถึงธนาคารกรุงเทพ และบริษัท บัวหลวงเวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจเงินร่วมลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยเน้นธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม รวมทั้งบริษัทสตาร์ทอัพ นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะก้าวไปสู่การให้คำปรึกษาด้านการระดมเงินทุน และร่วมเป็นพันธมิตร

ดร. พนุกร จันทรประภาพ Vice President ฝ่ายการลงทุนธุรกิจ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโปรแกรมอบรมทั้ง 8 ทีม ประกอบด้วย ทีมผู้พัฒนาบริการด้าน Wealth Management 3 แห่ง ได้แก่ Bambu, Bento และ Canopy ประเทศสิงคโปร์ ด้าน Security ได้แก่ Covr Security ประเทศสวีเดน ด้าน Block chain ได้แก่ Everex ประเทศไทย ด้าน Lending ได้แก่ First Circle ประเทศฟิลิปปินส์ ด้าน P2P Invoice Trading ได้แก่ Invoice Interchange ประเทศสิงคโปร์ และด้าน Mutual Fund Investment ได้แก่ FundRadars ประเทศไทย

“ท่ามกลางภาวะการแข่งขันทางธุรกิจที่เปลี่ยนจากปลาใหญ่กินปลาเล็ก มาสู่การเป็นปลาเร็วกินปลาช้าในปัจจุบัน โครงการ Bangkok Bank InnoHub จึงต้องการค้นหา ‘Bluefin’ หรือสุดยอดปลาครีบน้ำเงิน ที่มีทั้งความเฉลียวฉลาด มุ่งมั่น และว่องไว ซึ่งเราก็ประสบความสำเร็จได้พบกับ 8 ทีมสุดยอดสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ แข็งแรง และพร้อมจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยหัวใจสำคัญของโครงการนี้จะเน้นที่ ‘การเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืน’ ซึ่งสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ ย่อมมีความสามารถในการคิดค้นสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง และโครงการนี้จะช่วยสนับสนุน และปลดล็อคขีดจำกัดทางธุรกิจให้สามารถเติบโตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” ดร. พนุกร กล่าว

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 3 จากขวา) และนางสาวพจณี คงคาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 3 จากซ้าย) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก ร่วมให้การต้อนรับ มร.เยนส์ วอยท์ นักปั่นจักรยานมืออาชีพชาวเยอรมัน (ที่ 2 จากซ้าย) พร้อมเหล่าดาราเซเลบนักปั่นจักรยาน ในงานแถลงข่าว ‘Bangkok Bank CycleFest 2017’ โปรแกรมการแข่งขันจักรยาน ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ โดยรวบรวมรุ่น และทุกประเภทสำหรับการปั่นที่หลากหลายไว้อย่างครบครันบนเส้นทางปั่นที่แวดล้อมไปด้วยทิวทัศน์อันร่มรื่น ภายใต้คอนเซ็ปท์ ‘Ride for All’ นักปั่นและครอบครัวสามารถร่วมสนุก และรับความบันเทิง โดยได้รวบรวมสิ่งที่น่าสนใจแบบตอบโจทย์ความเป็นไลฟ์สไตล์หลังการปั่นไว้อย่างมากมาย ตั้งแต่ร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่สุดชิค สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขันได้ที่ www.bangkokbankcyclefest.com ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน - 10 พฤศจิกายน 2560 โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นในวันที่ 11 - 12 พฤศจิกายน 2560 ณ สยาม คันทรี คลับ พัทยา จังหวัดชลบุรี

นายวิทยา ราธาชัยนนท์ ผู้จัดการภาคนครหลวง 1 (ที่ 4 จากซ้าย) และนางสรัญยา ต่ายสกุลทิพย์ ผู้ช่วยผู้จัดการสาขาโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มอบเงินแก่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ (กลาง) และรองศาสตราจารย์นายแพทย์พงศ์ศักดิ์ ยุกตะนันทน์ รองคณบดี ฝ่ายกิจการนิสิต คณะแพทยศาสตร์ (ที่ 4 จากขวา) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการสนับสนุนคณะแพทยศาสตร์ เพื่อใช้ดำเนินโครงการ ‘เข็มวันอานันทมหิดล’ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 9 มิถุนายน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดล ครบรอบ 70 ปี แห่งการให้ที่ยิ่งใหญ่ น้ำใจ..สร้างกุศล ซึ่งธนาคารได้ให้การสนับสนุนเงินบริจาคอย่างต่อเนื่องเป็นเวลามากว่า 9 ปี เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ และหารายได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสมทบมูลนิธิอานันทมหิดล มูลนิธิสงเคราะห์เด็ก สภากาชาดไทย อีกทั้งนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

หม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคล กรรมการธนาคาร (กลาง) นายอภิชาต รมยะรูป ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท (ที่ 5 จากขวา) นายสงคราม สกุลพราหมณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 5 จากซ้าย) และนางสาวธัญฑิกา โพธิสมภรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 4 จากขวา) พร้อมผู้บริหารและพนักงาน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จัดพิธีแสดงมุทิตาธรรม เพื่อถวายเป็นมุทิตาสักการะ และร่วมแสดงความ ชื่นชมยินดีแด่พระภิกษุสามเณร ที่ได้พากเพียร ศึกษาจนสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ตามหลักสูตรคณะสงฆ์ โดยมีพระพรหมโมลี กรรมการมหาเถระสมาคม แม่กองบาลีสนามหลวง เป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งได้ประทาน พัด ย่าม ไตรจีวร และกล่าวสัมโมทนียกถาแก่พระเปรียญธรรม 9 ประโยค ซึ่งในปีนี้มีผู้สอบได้ทั้งสิ้น 28 รูป เป็นพระภิกษุ 25 รูป และสามเณร 3 รูป ทั้งนี้ธนาคารได้จัดให้มีพิธีถวายมุทิตาธรรมเป็นประจำทุกปีนับตั้งแต่ปี 2517 ติดต่อกันเป็นปีที่ 44 รวมภิกษุสามเณรที่ได้รับการแสดงมุทิตาธรรมจากธนาคาร จำนวนทั้งสิ้น 1,529 รูป เป็นพระภิกษุ 1,287 รูป สามเณร 242 รูป พร้อมกันนี้ธนาคารได้จัดให้มีการบรรยาย ‘การบริหารเงินของวัด’ แด่ภิกษุและสามเณรผู้สำเร็จเปรียญธรรม 9 ประโยค เพื่อนำความรู้ไปใช้ในการบริหารงบประมาณและการบัญชีของวัดสำหรับการดำเนินโครงการเผยแพร่พระพุทธศาสนา นับเป็นกิจกรรมที่ธนาคารได้มีส่วนอุปถัมภ์บำรุงการศึกษาและกิจการของคณะสงฆ์ ธำรงรักษาศาสนวงศ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้วัฒนาสถาพรสืบไป

นางรัชนี นพเมือง รองผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากขวา) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้รับเกียรติจาก ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (กลาง) ถ่ายภาพร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่มีส่วนสำคัญในการจัดทำจรรยาบรรณของธนาคารพาณิชย์ ประกอบด้วย นายอายุสม์ กฤษณามระ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ รับผิดชอบสายการบัญชีและการเงิน ผู้จัดการบริหารความเสี่ยง (ขวา) นายปานศักดิ์ พฤกษากิจ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ รับผิดชอบงานกำกับดูแล (ที่ 2 จาก ซ้าย) และนายเวทิศ อัศวมังคละ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายทรัพยากรบุคล (ซ้าย) โดยการปรับปรุงจรรยาบรรณของธนาคารพาณิชย์ในครั้งนี้ ดำเนินการภายใต้แนวคิดจรรยาบรรณธนาคารพาณิชย์พัฒนาเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืน เพื่อให้มีความทันสมัยและเท่าทันกับความคาดหวังของสังคมบนหลักการสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1. หลักความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา 2. หลักความเป็นธรรม และ 3. หลักการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรับผิดชอบ ซึ่งครั้งนี้ธนาคารสมาชิกของสมาคมธนาคารไทยได้ร่วมดำเนินการจัดทำและปรับปรุงจรรยาบรรณของธนาคารพาณิชย์ เพื่อสร้างมาตรฐานให้กับอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ในการประกอบธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ และยกระดับความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าจะได้รับการบริการที่มีความยุติธรรม ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้องก่อนการตัดสินใจใช้บริการ

นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ (ที่ 3 จากขวา) นางสาวนิรมาณ ไหลสาธิต ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากขวา) นายนรินทร์ โอภามุรธาวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากซ้าย) และนายสุวัชชัย ทรงวานิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) (ซ้ายสุด) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับ ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในโอกาสให้เกียรติเยี่ยมบูธของธนาคารกรุงเทพ และเป็นวิทยากรในเวิร์กชอปของธนาคารกรุงเทพ ในหัวข้อ ‘Eastern Economic Corridor Development and Implications on the GMS’ ในงานประชุม Greater Mekong Investment Forum ซึ่งจัดโดยนิตยสาร Euromoney นิตยสารเศรษฐกิจการเงินชั้นนำ จากประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ธนาคารกรุงเทพหนึ่งในผู้สนับสนุนการจัดงาน ในฐานะธนาคารพาณิชย์ที่มีเครือข่ายกว่า 32 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศจีน รวมทั้งความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศจีเอ็มเอส (Greater Mekong Subregion : GMS) มายาวนานกว่า 50 ปี ธนาคารกรุงเทพจึงพร้อมให้การสนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ด้วยความเข้าใจในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศอย่างลึกซึ้ง

นายอภิชาต รมยะรูป ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากซ้าย) นางปฏิมา ชวลิต เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President สายงานทรัพยากรบุคคล (ที่ 2 จากขวา) นายยุทธพงษ์ ภูมิบ่อพลับ ผู้จัดการภาคนครหลวง 4 สายลูกค้าบุคคล (ซ้าย) และนางศิริกุล ไชยสิงห์ ผู้จัดการสาขาวรจักร (ขวา) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ถวายเก้าอี้ Slender จำนวน 300 ตัว และร่มสนาม จำนวน 30 คัน แด่พระพรหมมุนี (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรรมการมหาเถรสมาคม และเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เพื่อใช้ในกิจการภายในวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สืบเนื่องตั้งแต่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดสถาปนา เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ขึ้นเป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อให้ทางวัดสามารถจัดระเบียบและดูแลความเรียบร้อยให้เหมาะสม และสมพระเกียรติองค์พระประมุขแห่งสงฆ์

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ที่3 จากขวา) นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ รองผู้จัดการ ใหญ่ และผู้อำนวยการหลักสูตรผู้นำนักธุรกิจแห่งอาเซียน (AEC Business Leader) (ขวา) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พร้อมนายวรทัศน์ ตันติมงคลสุข เลขาธิการสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โลจิสติกส์วัน จำกัด (ที่ 2 จากขวา) ร่วมมอบรางวัลแก่ผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้นำนักธุรกิจแห่งอาเซียน รุ่นที่2 ที่ชนะการประกวดแผนงานธุรกิจ หนึ่งในกิจกรรมที่นักธุรกิจผู้เข้าร่วมอบรมจะต้องมีการนำเสนอให้กับคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา นักธุรกิจจากประเทศกัมพูชา และผู้บริหารของธนาคาร ได้ร่วมตัดสิน โดยกลุ่มที่ชนะมีคะแนนรวมเป็นอันดับ 1 คือ กลุ่ม HACO นำเสนอแผนการทำธุรกิจอุปกรณ์เต้ารับ-เต้าเสียบ (Electronic Appliances) ในประเทศกัมพูชา ด้วยเป็นกลุ่มที่มีความชัดเจนของแนวคิดในการทำธุรกิจ มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความเป็นไปได้ในการนำไปประกอบธุรกิจจริง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาตัดสิน สำหรับหลักสูตรผู้นำนักธุรกิจแห่งอาเซียน เป็นหลักสูตรที่ธนาคารกรุงเทพสร้างสรรค์ขึ้น โดยกำหนดจัดอบรมปีละ 2 รุ่น เพื่อให้นักธุรกิจไทยสามารถเข้าใจกลไกตลาดการค้าในภูมิภาค ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ

ช.การช่าง ประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน 4 ชุด มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท โดย มี 3 ธนาคารใหญ่ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงไทย ร่วมจัดการการจัดจำหน่ายต่อกลุ่มผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริส เรทติ้งจำกัด ในระดับ ‘A-’

นายประเสริฐ ดีจงกิจ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President ผู้จัดการฝ่ายทุนธนกิจ สายวานิชธนกิจ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ของบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ครั้งที่1/2560 เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมจัดการ การจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เนื่องจากมีผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ให้ความสนใจและจองซื้อหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุดของบริษัทฯ เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดความสนใจลงทุนเกินกว่า 3 เท่าของจำนวนหุ้นกู้ที่บริษัทฯ ต้องการจัดออกในเบื้องต้นที่มูลค่า 4,000 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ตัดสินใจเพิ่มการจัดออกหุ้นกู้เป็น 6,000 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความ ต้องการของผู้ลงทุน

หุ้นกู้ทั้ง 4 ชุด มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.97% ต่อปี มูลค่า 2,250 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.80% ต่อปี มูลค่า 1,600 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.19% ต่อปี มูลค่า 1,150 ล้านบาท และหุ้นกู้อายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.32% ต่อปี มูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุด ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ ‘A-’ จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2560 และได้เปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 24-25 พฤษภาคม 2560 โดยธนาคารทั้ง 3 แห่งได้จัดออกหุ้นกู้ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2560

นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการและผู้บริหารอาวุโส บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางบริษัท ฯ ขอขอบพระคุณผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ทุกท่านที่ให้ความสนใจในการลงทุนหุ้นกู้ของบริษัทฯ ความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและผลการดำเนินงานของบริษัทที่แข็งแกร่ง โดยผลประกอบการของบริษัทฯ ณ สิ้นปี 2559 มีรายได้รวม 47,019 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,042 ล้านบาท โดยมีสินทรัพย์และหนี้สินรวม 94,928 ล้านบาท และ 73,074 ล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังสะท้อนภาพความเป็น 1 ในผู้นำในธุรกิจก่อสร้าง รวมถึงการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคของประเทศไทย จากความสามารถในการรับงานก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่และโครงการที่ต้องการความเชี่ยวชาญ เฉพาะทาง ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นายพีริยเทพ หอมหวล ผู้จัดการสาขาลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (กลาง) เป็นตัวแทนธนาคารรับมอบรางวัลยอดเยี่ยมด้านกลยุทธ์โมบายแบงก์กิ้ง (Best Mobile Banking Strategy) จากบริการบัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง ในงาน Retail Banking Conference and Award 2017 ซึ่งจัดโดยนิตยสาร Retail Banking International (RBI) ณ กรุงลอนดอน ประเทศ สหราชอาณาจักร โดยรางวัลนี้ได้พิจารณาจากกลยุทธ์การเจาะตลาดและการใช้บริการของลูกค้าในชีวิตประจำวัน ภายหลังจากที่บัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง ได้เพิ่มฟังก์ชั่นการโอนเงินจากบุคคลไปยังบุคคลผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือ (P2P) และบริการแจ้งเตือน mAlert ในการแจ้งความเคลื่อนไหวของบัญชี แจ้งเตือนการชำระเงิน และแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยในการใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น (Push Notification) ส่งผลให้ปริมาณการทำ รายการโอนเงินต่อเดือนเพิ่มขึ้นถึง 350% ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพยังคงมุ่งพัฒนาบริการบัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ตรงในการใช้งาน พร้อมนำเสนอฟังก์ชั่นโดดเด่นที่สามารถช่วยให้การทำธุรกรรมทางการเงินบนมือถือเป็นไปอย่างง่ายดาย สะดวก และรวดเร็ว สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้บริการ ‘บัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง’ ของธนาคารกรุงเทพเป็นที่ยอมรับและมีลูกค้าสมัครใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ซ้าย) นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (ที่ 2 จากซ้าย) นายไซสงคาม วอละจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส.วี.กรุ๊ป จำกัด (ที่ 2 จากขวา) และนายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ขวา) ร่วมลงนามในสัญญาการสนับสนุนด้านการเงินแก่ บริษัท เขื่อนไฟฟ้าน้าตกเซน้าน้อย และเซกะตา จำกัด ในวงเงินสินเชื่อรวม 41.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 1,435.20 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำกำลังการผลิต 20.10 เมกะวัตต์ ณ แขวงจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ลาว) จำกัด และบริษัท เอส.วี.กรุ๊ป จำกัด โดยมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ สปป.ลาว ในด้านการเพิ่มปริมาณไฟฟ้าในระบบ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล สปป.ลาว ที่จะมีการส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้าขนาดเล็ก โดยเฉพาะ ในพื้นที่เขตชนบทของประเทศ ซึ่งการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อในครั้งนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญในการผลักดันธุรกิจพลังงานทดแทนใน สปป.ลาว

นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (กลาง) และนายอาจหาญ เพ็ชรดี เจ้าหน้าที่บริหาร ระดับ Senior Vice President โครงการประเมินศักยภาพทางธุรกิจ (ที่ 2 จากขวา) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับนายนันทวัฒน์ โชติวิจิตร กรรมการฝ่ายการตลาด (ที่ 2 จากซ้าย) บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) จัดแคมเปญ ‘ได้ทั้งเงิน...ลุ้นทั้งทอง กับอิออน’ มอบสิทธิพิเศษสาหรับลูกค้าสมาชิกบัตรสมาชิกอิออน บัตรสมาชิกอิออนรูปแบบใหม่ และบัตรสมาชิกอิออน แรบบิท ที่ใช้บริการวงเงินสินเชื่ออิออน ยัวร์แคช ในการเบิกเงินสดที่ตู้บัวหลวง เอทีเอ็ม ของธนาคารกรุงเทพ ตั้งแต่วันนี้ - 30 มิถุนายน 2560 โดยทุก 1,000 บาท/สลิป สามารถรับ 1 สิทธิ์ ลุ้นรับทองคำแท่ง มูลค่า 100,000 บาท จำนวน 5 รางวัล และสร้อยคอทองคำหนัก 50 สตางค์ จำนวน 25 รางวัล รวมทั้งสิ้น 30 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้น 753,750 บาท ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.aeon.co.th

นายขจรศักดิ์ มานะวิริยะกุล เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President ผู้จัดการศูนย์ปฏิบัติการธุรกิจ ส่งออกและนำเข้า (ขวา) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนธนาคารรับมอบรางวัลเกียรติยศจาก นิตยสารดิแอสเส็ท (The Asset) ซึ่งเป็นนิตยสารการเงินชั้นนำแห่งเอเชีย โดยในปีนี้ ธนาคารกรุงเทพได้รับ 4 รางวัลยอดเยี่ยม ประกอบด้วย รางวัลธนาคารยอดเยี่ยมในประเทศไทย ด้านบริการเพื่อการค้าต่างประเทศ (Best Service Provider in Trade Finance) จากการสร้างสรรค์นวัตกรรมและช่องทางการให้บริการอันทันสมัย ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบธุรกิจและคู่ค้าได้อย่างครอบคลุม และความแข็งแกร่งของเครือข่ายสาขาและธนาคารพันธมิตรในต่างประเทศที่ครอบคลุมเขตเศรษฐกิจสำคัญทั่วโลก รางวัลธนาคารยอดเยี่ยมในประเทศไทย ด้านบริการซัพพลายเชน (Best Service Provider in Supply Chain Solution) จากความสามารถในการให้บริการด้านการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของคู่ค้าในเครือข่ายการค้าได้อย่างครบวงจร และ 2 รางวัลธนาคารยอดเยี่ยมในการให้บริการซัพพลายเชนให้กับลูกค้า (Triple A Best Supply Chain Solution) ซึ่งได้รับรางวัลจากนวัตกรรมการชำระเงินและเบิกใช้สินเชื่อหมุนเวียนแบบออนไลน์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการชำระเงินค่าสินค้าให้แก่คู่ค้าของบริษัท พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของธนาคาร โดยมีนางสาวพรทิพย์ บูรณะการเจริญ รักษาการผู้จัดการฝ่ายการเงินและบัญชี (ซ้าย) เข้าร่วมรับมอบรางวัล และรางวัลนวัตกรรม Trade Finance ในรูปแบบบริการซัพพลายเชน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการทำการค้าระหว่างประเทศ และบริหารความเสี่ยงในการชำระเงินผ่านเครือข่ายสาขาต่างประเทศของธนาคาร ให้แก่บริษัท เชฟรอน (ประเทศไทย) จำกัด และคู่ค้า

ธนาคารกรุงเทพประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เอ็มโออาร์ลง 0.250% และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เอ็มอาร์อาร์ลง 0.500% เหลือ 7.125% ทั้งสองประเภท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ลดต้นทุนทางการเงิน เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ช่วยกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยภาพรวม โดยมีผลตั้งแต่วันที่16 พฤษภาคม 2560

นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคาร ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อเอ็มโออาร์ (MOR) หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) ลง 0.250% เหลือ 7.125% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อเอ็มอาร์อาร์ (MRR) หรืออัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) ลง 0.500% เหลือ 7.125% โดยมีผลตั้งแต่วันที่16 พฤษภาคม 2560

การปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งสองประเภทในครั้งนี้นับเป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะ อย่างยิ่งเอสเอ็มอี ในเรื่องการลดต้นทุนด้านอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ

“ธนาคารกรุงเทพมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจและความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยภาพรวม สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ” นายสุวรรณ กล่าว

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ที่ 4 จากขวา) และดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 3 จากขวา) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร (ที่ 2 จากขวา) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด และนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ (ขวา) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ที่ 4 จากซ้าย) ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ที่ 3 จากซ้าย) ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (ซ้าย) และนายสันติ วิริยะรังสฤษฏ์ ประธานจัดงาน (ที่2 จากซ้าย) ในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดและเยี่ยมชมบูธธนาคารกรุงเทพ ในงานมหกรรมการเงิน ครั้งที่17 หรือ Money Expo 2017 โดยปีนี้ธนาคารกรุงเทพได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ทันสมัย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ภายใต้แนวคิด ‘เพื่อนคู่คิด ชีวิตดิจิทัล’ หรือ ‘Bangkok Bank – Your Digital Life Partner’ ที่พร้อมจะเข้าใจและเคียงข้างทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจ ให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย พร้อมใช้ทุกที่ทุกเวลา สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทุกกลุ่ม อีกทั้งโปรโมชั่นพิเศษและของสมนาคุณมากมายหลากหลายประเภท แล้วพบกันที่บูธธนาคารกรุงเทพ 11-14 พฤษภาคม 2560 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ธนาคารกรุงเทพมุ่งขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ชูนวัตกรรมฟินเทคในการสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่าง รวดเร็วและครบวงจร ภายใต้แนวคิด ‘เพื่อนคู่คิด ชีวิตดิจิทัล’ เน้นใช้เทคโนโลยีสร้างความสะดวกสบายในการบริหารเรื่องการเงินให้กับลูกค้า ตอกย้ำภาพลักษณ์ในฐานะธนาคารชั้นนำของประเทศที่พร้อมเป็น “เพื่อนคู่คิด” และสะท้อนความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางการเงินที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ทันสมัย พร้อมใช้ทุกที่ทุกเวลา ในงานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 17 หรือ Money Expo 2017 ระหว่างวันที่11-14 พฤษภาคม 2560 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่ผู้จัดงานได้กำหนดแนวคิด ‘Financial Innovation 4.0’ หรือ ‘นวัตกรรมใหม่ทางการเงิน 4.0’ มาเป็นแนวคิดหลักในการจัดงานมหกรรมการเงิน ครั้งที่17 เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวในธุรกิจฟินเทคและสตาร์ทอัพ ทั้งในภาคประชาชน ธนาคาร สถาบันการเงิน และผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงิน เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของธนาคารที่ต้องการช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่สังคมดิจิทัลตามนโยบายของภาครัฐ โดยได้นำเทคโนโลยีมาช่วยในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ การให้บริการเพื่อให้ตอบโจทย์และทันต่อความต้องการของลูกค้า ในปีนี้ธนาคารจึงได้คัดสรรผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ทันสมัยและมีคุณภาพ ผ่านการนำเสนอภายใต้แนวคิด ‘ธนาคารกรุงเทพ เพื่อนคู่คิด ชีวิตดิจิทัล’ หรือ ‘Bangkok Bank – Your Digital Life Partner’ ที่พร้อมจะเข้าใจและเคียงข้างทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินและการทำธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลแบงก์กิ้งที่ทันสมัย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย พร้อมใช้ทุกที่ทุกเวลา สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทุกกลุ่ม

“ในปีนี้ธนาคารได้สร้างสรรค์พื้นที่ภายในบูธขนาด 1,000 ตารางเมตร ด้วยสไตล์การออกแบบที่ทันสมัย ทั้งยังจัดพื้นที่ภายในให้โปร่งโล่งสบายและมีโต๊ะเก้าอี้จำนวนมากไว้รับรองลูกค้าได้อย่างทั่วถึง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้ามารับบริการต่างๆ ได้ง่ายและสะดวก พร้อมได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการเงินมาให้คำปรึกษาและตอบข้อซักถามในรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินทุกประเภทที่ลูกค้าให้ความสนใจ ช่วยให้ลูกค้าวางแผนการเงินได้อย่างรอบคอบ นอกจากนี้ ยังจัดให้มีสื่อมัลติมีเดียเพื่อให้ลูกค้าสามารถศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์และโปรโมชั่นต่างๆ ในเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ”

ดร.ทวีลาภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ธนาคารได้จัดเตรียมผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าทุกกลุ่ม โดยผลิตภัณฑ์และบริการที่จัดเตรียมสำหรับกลุ่มลูกค้าบุคคล ได้แก่ บริการสมัครบัตรเดบิตบีเฟิสต์ทั้ง 3 รูปแบบ ได้แก่ บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท แรบบิท เชลซี บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น แรบบิท ศิริราช และบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น ยูเนี่ยนเพย์ การเปิดบัญชีเงินฝากสินมัธยะทรัพย์ทวี หรือบัญชีเงินฝากบัวหลวงคิดส์ บริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และบัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ ‘บริการแจ้งเตือน mAlert’ บริการแจ้งความเคลื่อนไหวของบัญชี แจ้งเตือนการชำระเงิน และแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยในการใช้งาน ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ ผ่านแอพพลิเคชั่น (Push Notification) SMS และอีเมล บริการแนะนำเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ บัวหลวงทรัพย์สินพร้อมขาย กองทุนบัวหลวง ประกันชีวิต ประกันวินาศภัย และมุมให้บริการด้านสินเชื่อบ้าน บัวหลวง (Home Loan Self Service Corner) ซึ่งลูกค้าสามารถลงทะเบียนจองสิทธิ์รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ทดลองคำนวณสินเชื่อ พิจารณาสินเชื่อเบื้องต้น และยื่นคำขอผ่านเว็บไซต์ของธนาคารด้วยตนเอง ส่วนกลุ่มลูกค้าธุรกิจนั้น ธนาคารได้เตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อบัวหลวงเพื่อเอสเอ็มอี ซึ่งลูกค้าสามารถยื่นคำขอออนไลน์ได้ภายในงาน ทั้งยังมีบริการธนาคารกรุงเทพ บิซพร้อมเพย์ ทางเลือกใหม่ในการรับเงินและโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยการใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีหรือเลขทะเบียนนิติบุคคล (Tax ID) แทนการระบุเลขที่บัญชีเงินฝาก ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกรรมการเงินกับ คู่ค้า ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และลดภาระการใช้เงินสด

นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เตรียมโปรโมชั่นพิเศษและของสมนาคุณมากมายหลากหลายประเภทที่แตกต่างกันไปในแต่ละผลิตภัณฑ์และบริการ ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ อาทิ ผู้สมัครบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท แรบบิท เชลซี พร้อมชำระค่าธรรมเนียมภายในงาน รับฟรี เสื้อโปโลเชลซี Blue Spirit ลิขสิทธิ์แท้ Limited Edition มูลค่า 2,490 บาท ผู้ที่สมัครสินเชื่อบ้านบัวหลวง รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เมื่อลงทะเบียนจองสิทธิ์ภายในงาน ผู้ที่ลงทะเบียนขอสินเชื่อเพื่อซื้อบัวหลวงทรัพย์สินพร้อมขายภายในงาน รับฟรี ค่าประเมินราคาหลักประกันและค่าธรรมเนียมจัดการสินเชื่อ พร้อมรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และสมัครบริการในกลุ่มดิจิทัลแบงก์กิ้ง ภายในงานรับฟรี ผ้าเช็ดหน้าจอ 1 ชุด มูลค่า 149 บาท เมื่อสมัคร 2 บริการ ฟรีค่าธรรมเนียม 2 เดือนแรก เมื่อสมัครบริการแจ้งความเคลื่อนไหวของบัญชี (Account Alert Plus หรือ SMS Account Alert) สงวนสิทธิ์สำหรับบัญชีที่สมัครบริการใหม่ และไม่เคยได้รับโปรโมชั่นของบริการ Account Alert Plus หรือ SMS Account Alert มาก่อน

“ขอเรียนเชิญลูกค้าและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมชมงานเพื่อเลือกชมผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันหลากหลาย พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษและของสมนาคุณมากมายได้ที่บูธธนาคารกรุงเทพ พื้นที่ตำแหน่ง A5 ในโซนตลาดเงิน โดยในวันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2560 พบกับการเสวนาด้านการลงทุนกับ หลักทรัพย์บัวหลวง ในหัวข้อ ‘ออมอัตโนมัติ’ และ Meet Econ Index Guru จากช่องไทยรัฐทีวี ที่จะมาแนะเทคนิคการลงทุน และในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2560 พบกับเต้ย จรินทร์พร พรีเซ็นเตอร์ บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น ยูเนี่ยนเพย์ ที่จะมาร่วมกิจกรรมบนเวทีภายในบูธเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้เยี่ยมชมบูธธนาคารกรุงเทพอีกด้วย ในงานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 17 หรือ Money Expo 2017 ระหว่างวันที่ 11-14 พฤษภาคม 2560 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี” ดร.ทวีลาภ กล่าวทิ้งท้าย

นายศิริเดช เอื้องอุดมสิน รองผู้จัดการใหญ่ (ซ้าย) และนายณัฐวุฒิ เพชรหยอย ผู้จัดการภาค 6 ลูกค้าธุรกิจรายปลีก ต่างจังหวัด (ขวา) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พร้อมนางนรรถพร พระศรีนาม ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านบ่อเหมืองน้อย อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย (ที่ 2 จากขวา) ร่วมให้การต้อนรับ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานในพิธี ในโอกาสเยี่ยมชมบูธธนาคารที่ได้นำเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรจากโครงการ ‘เกษตรก้าวหน้า’ นำสินค้าภายใต้แบรนด์ ‘ระฆังทอง’ เข้าร่วมงานแสดงจำหน่ายสินค้ากลุ่มจังหวัด และประชารัฐ ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ระหว่างวันที่ 4 พฤษภาคม - 24 กรกฎาคม 2560 โดยธนาคารกรุงเทพได้เข้าร่วมกับรัฐบาลในโครงการสานพลังประชารัฐ เพื่อนำประเทศไทยเข้าสู่ยุค 4.0 และมีบทบาทเป็นหนึ่งในคณะองค์กรที่ร่วมจัดตั้ง บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (จังหวัด) จำกัด ทั้ง 76 แห่ง เพื่อสนับสนุนการสร้างพื้นฐานทางธุรกิจที่เข้มแข็งให้กับชุมชนและสังคมไทยที่สอดคล้องกับเป้าหมายหลักของโครงการและเจตนารมณ์ของธนาคารในการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและชุมชนอย่างต่อเนื่อง

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ขวา) และนางสาวธัญฑิกา โพธิสมภรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ซ้าย) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ดร.สมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง (ที่ 2 จากขวา) และนางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ที่2 จากซ้าย) เชิญชวนลูกค้า ผู้ถือบัตรเดบิตบีเฟิสต์ สมาร์ท ของธนาคารกรุงเทพ ทุกประเภท ชำระค่าสินค้าและบริการในประเทศผ่านบัตรเดบิตแทนการใช้เงินสด และชวนผู้ประกอบการร้านค้าให้ติดตั้งอุปกรณ์รับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ของธนาคารกรุงเทพ เพื่อลุ้นรับรางวัลมูลค่ารวมทั้งสิ้น 84 ล้านบาท ในโครงการแจกโชคจากการใช้บัตรเดบิต ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ National e-Payment ของรัฐบาล โดยในแต่ละเดือน ลูกค้าผู้ใช้บัตรเดบิตและผู้ประกอบการที่ติดตั้งเครื่องอีดีซี ต่างมีโอกาสในการลุ้นรับรางวัลมูลค่าสูงสุด 1 ล้านบาท 1 รางวัล และ รางวัลอื่นๆ ลดหลั่นลงมา โดยจะเริ่มแจกโชคจากการสุ่มรายชื่อผู้โชคดีในเดือนมิถุนายน 2560 เป็นเดือนแรก (โดยใช้ข้อมูลการทำธุรกรรมในเดือนพฤษภาคม 2560) และแจกต่อเนื่องกันทุกเดือนเป็นระยะเวลา 12 เดือน ทั้งนี้ การประกาศรายชื่อผู้โชคดีจะมีทุกวันที่ 16 ของเดือน ซึ่งครั้งแรกคือวันที่16 มิถุนายน 2560 โดยจะมีการประกาศออกสื่อต่างๆ และผ่านเว็บไซต์ www.epayment.go.th ผู้ที่ได้รับรางวัลจะได้รับการติดต่อโดยตรงจากธนาคารต่อไป

ธนาคารกรุงเทพขานรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 มุ่งใช้นวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ทันสมัย เตรียมต้อนรับมหกรรมการเงินการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ ประจำปี 2560 หรือ Money Expo 2017 ภายใต้แนวคิด ‘เพื่อนคู่คิด ชีวิตดิจิทัล’ เน้นการประยุกต์ใช้นวัตกรรมอำนวยความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมทางการเงิน ช่วยให้การบริหารเงินเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิทัล

ธนาคารกรุงเทพขานรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 มุ่งใช้นวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ทันสมัย เตรียมต้อนรับมหกรรมการเงินการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ ประจำปี 2560 หรือ Money Expo 2017 ภายใต้แนวคิด ‘เพื่อนคู่คิด ชีวิตดิจิทัล’ เน้นการประยุกต์ใช้นวัตกรรมอำนวยความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมทางการเงิน ช่วยให้การบริหารเงินเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิทัล ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากเจตนารมณ์ของธนาคารที่ต้องการช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่สังคมดิจิทัลตามนโยบายของภาครัฐ ประกอบกับการที่ผู้จัดงานได้กำหนดแนวคิด ‘Financial Innovation 4.0’ หรือ ‘นวัตกรรมใหม่ทางการเงิน 4.0’ มาเป็นแนวคิดหลักในการจัดงานมหกรรมการเงิน ครั้งที่17 ประจำปี 2560 หรือ Money Expo 2017 ธนาคารจึงเตรียมที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินต่างๆ ที่มี ความทันสมัยให้แก่ลูกค้าที่มาเยี่ยมชมบูธธนาคารกรุงเทพ ภายใต้แนวคิด ‘ธนาคารกรุงเทพ เพื่อนคู่คิด ชีวิตดิจิทัล’หรือ ‘Bangkok Bank – Your Digital Life Partner’ ที่พร้อมจะเข้าใจและเคียงข้างทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินและการทำธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลแบงก์กิ้งที่ทันสมัย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย พร้อมใช้ทุกที่ทุกเวลา สามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม

พร้อมกันนี้ ธนาคารได้เตรียมเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางการเงินและการลงทุนมาให้คำปรึกษาและตอบข้อซักถามในรายละเอียดต่างๆ พร้อมทั้งเตรียมกิจกรรมโปรโมชั่นพิเศษ และของสมนาคุณมากมาย เพื่อเตรียมมอบให้กับลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมบูธ พร้อมสมัครใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ของธนาคารกรุงเทพ ในงาน Money Expo 2017 ที่จะจัดให้มีขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วประเทศตลอดทั้งปี 2560 โดย Money Expo กรุงเทพฯ จะมีขึ้นในระหว่างวันที่11-14 พฤษภาคม 2560 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี