วางแผนการเงินด้วยการทำงบการเงินส่วนบุคคลง่าย ๆ อ่านจบแล้วทำตามได้เลย
มีเงินเท่าไรก็ใช้จนหมด? มีเงินเก็บแต่ไม่กล้าใช้? หรือกลัวว่าจะมีเงินไม่พอใช้หลังเกษียณ? ทั้งหมดนี้อาจเกิดจากเรา “ไม่ได้วางแผนการเงิน” ทำให้ไม่รู้สถานะทางการเงินของตัวเองว่าในแต่ละเดือน เรามีเงินพอใช้ไหม หรือเราหมดเงินไปกับอะไรบ้าง และอนาคตเมื่อไม่มีรายได้แล้ว เราจะเอาเงินจากที่ไหนมาใช้ ซึ่งความกังวลเหล่านี้แก้ได้ไม่ยาก ลองมาเริ่มต้นจากการทำ "งบการเงินส่วนบุคคล" กัน
งบการเงินส่วนบุคคลคืออะไร?
งบการเงินส่วนบุคคล คือ งบการเงินส่วนตัว โดยรวมทั้งสินทรัพย์ หนี้สิน รายได้ และรายจ่าย เพื่อให้เรามองเห็นสถานะทางการเงินของตัวเองได้ชัดเจน ว่าทรัพย์สินทั้งหมดมีอะไรบ้าง มีภาระหนี้สินมากน้อยขนาดไหน รายรับ รายจ่ายเป็นอย่างไร และเหลือเงินสดเท่าไรในแต่ละเดือน ช่วยให้วางแผนอนาคตได้แม่นยำยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเก็บออม ลงทุน หรือควบคุมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน การเขียนงบการเงินส่วนบุคคลแบบง่าย ๆ จะช่วยให้เราเก็บเงินได้อยู่หมัด บาลานซ์การเงินและการใช้ชีวิตได้ดีขึ้น และมีระบบการเงินเป็นของตัวเอง สำหรับมนุษย์เงินเดือนและชาวฟรีแลนซ์
ทำไมต้องทำงบการเงินส่วนบุคคล
ในยุคสมัยนี้ไม่ว่าเราจะมีรายได้น้อยหรือมากก็เจอปัญหาเงินไม่พอใช้ได้ หากเราไม่รู้ว่าเงินหายไปไหน หรือใช้ไปกับอะไรบ้าง การทำงบการเงินส่วนบุคคลจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมทั้งหมด ทั้งรายรับ รายจ่าย หนี้สิน และเงินที่สามารถเก็บออมได้จริง ทำให้รู้และเห็นภาพรวมของการใช้เงินว่าใช้เงินเกินตัวตรงไหน และควรปรับพฤติกรรมยังไง
งบการเงินส่วนบุคคลยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการวางแผนการเงินระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เช่น อยากซื้อบ้านใน 3 ปี หรืออยากลาออกไปเที่ยวพักผ่อนสัก 3 เดือน การทำงบจะทำให้เรารู้ว่าควรเก็บเงินเดือนละเท่าไร หรือลดค่าใช้จ่ายตรงไหนบ้าง เพื่อให้เป้าหมายเป็นจริงได้
เพราะงบการเงินไม่ใช่แค่การบันทึกตัวเลข แต่เป็นวิธีที่ช่วยให้เราจัดการ วางแผน และตัดสินใจทางการเงินได้ดีขึ้น รวมทั้งใช้จ่ายได้อย่างมีเหตุผล

แนวทางการวางแผนการเงิน เริ่มต้นง่าย ๆ ใน 6 ขั้นตอน
1. รวบรวมรายรับทุกช่องทาง
ก่อนจะวางแผนอะไร ให้ลิสต์รายรับออกมาให้ครบว่ามีอะไรและเท่าไรบ้าง เช่น เงินเดือนประจำ รายได้จากการลงทุน เงินคืนภาษี ค่าคอมมิชชัน รายได้เสริมต่าง ๆ หรือเงินพิเศษจากการขายของ เพราะเมื่อรู้ว่ามีเงินเข้ามาจากทางไหนบ้าง จะช่วยให้เห็นภาพรวมการเงินชัดขึ้น รู้ว่ารายรับแต่ละเดือนคงที่หรือมีผันผวนอย่างไร
2. ติดตามรายจ่าย
จดให้หมดตั้งแต่ค่าใช้จ่ายใหญ่ ๆ ไปถึงของเล็กน้อย เช่น กาแฟแก้วละ 60 บาท ขนม 40 บาท หรือค่าสตรีมมิ่ง 99 บาทต่อเดือน เพราะค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ เมื่อรวมกันก็กลายเป็นก้อนใหญ่ได้โดยไม่รู้ตัว การรู้ว่าใช้เงินไปกับอะไรจะทำให้เราเห็นว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่ปรับลดได้และช่วยให้เราควบคุมการใช้จ่ายได้ดีขึ้น เช่น ถ้าพบว่าค่ากาแฟพุ่งถึงเดือนละ 2,000 บาท อาจลดความถี่ในการซื้อลง ตั้งงบค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน หรือลองปรับพฤติกรรม
3. ตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริง
อยากเก็บเงินไปเพื่ออะไร? เป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนจะสร้างแรงบันดาลใจในการเก็บออม การตั้งเป้าหมายควรเฉพาะเจาะจง เช่น อยากเก็บเงินแต่งงาน 200,000 บาท ภายใน 2 ปี หรือเก็บเงินเกษียณ เดือนละ 5,000 บาทจนถึงอายุ 60 ปี เป้าหมายที่ตั้งใจจริงและจับต้องได้ จะทำให้การเก็บเงินเป็นเรื่องสนุกขึ้น เพราะเรารู้ว่าเงินแต่ละบาทที่เก็บกำลังพาเราไปสู่ฝัน และยังช่วยจัดลำดับความสำคัญของค่าใช้จ่ายว่าจะตัดหรือยืดหยุ่นตรงไหน เพื่อไปถึงฝันได้เร็วขึ้น
4. สร้างงบการเงินส่วนบุคคล
เริ่มจากเอารายรับลบรายจ่าย เพื่อดูว่าแต่ละเดือนเหลือเก็บเท่าไหร่ หรือถ้าติดลบก็จะได้รู้ว่าต้องลดค่าใช้จ่ายตรงไหน การทำงบการเงินไม่ต้องซับซ้อน อาจใช้ Excel แอปจดรายรับ-รายจ่าย หรือแม้แต่สมุดจดง่าย ๆ ก็ได้ สำคัญคือต้องเห็นภาพชัดว่าเงินเข้ามาทางไหน ออกไปทางไหน และเหลือเท่าไหร่สำหรับเป้าหมายในอนาคต ลองหมั่นอัปเดตตัวเลขเดือนละครั้ง เพื่อให้รู้ว่าเราอยู่ตรงไหนในเส้นทางสู่เป้าหมาย
5. เลือกรูปแบบที่เหมาะกับตัวเอง
แต่ละคนถนัดไม่เหมือนกัน ลองเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเอง เช่น
- สูตร 50/30/20: แบ่งรายรับแต่ละเดือนเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 50% สำหรับใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าเช่าห้อง ค่าอาหาร 30% สำหรับใช้เพื่อความสุข เช่น ช็อปปิง ท่องเที่ยว และ 20% สำหรับเก็บออมและลงทุน
- แบ่งเงินใส่ซอง: ทำซองแยกค่าใช้จ่าย เช่น ค่ารถ ค่าอาหาร ค่ากาแฟ จะช่วยควบคุมการใช้เงินได้ง่าย เพราะเห็นชัดว่ามีงบสำหรับแต่ละเรื่องเท่าไรบ้าง
- Zero-based budget: คือการวางแผนจัดสรรงบต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น รายรับ 20,000 บาท แบ่งงบมา 15,000 บาท ใช้เป็นค่ากินอยู่ในชีวิตประจำวันของทั้งเดือน และแบ่งงบ 5,000 บาท เก็บเป็นเงินออม และอื่น ๆ
- ออมก่อนใช้: โอนเงินออมออกไปก่อน เช่น 10% ของรายได้ แล้วเหลือเท่าไหร่ค่อยนำไปใช้ วิธีนี้ช่วยให้เราโฟกัสกับการเก็บเงินก่อน
6. ตรวจสอบและปรับงบการเงินเป็นประจำ
เมื่อตั้งงบการเงินแล้วควรกลับมาดูทุกเดือน หรืออย่างน้อยทุกไตรมาส เพื่อดูว่าใช้จ่ายเป็นไปตามแผนไหม หรือมีส่วนไหนบานปลาย การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราปรับเปลี่ยนงบได้ทัน และสร้างนิสัยทางการเงินที่ดีอย่างต่อเนื่อง
การวางแผนการเงินเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเราทุกคน และสามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ แค่เริ่มจากการรู้จักตัวเองในเรื่องการเงินผ่านการทำงบการเงินส่วนบุคคล แล้วใช้ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อวางเป้าหมาย และปรับแผนให้เหมาะกับชีวิตของเรา
