เทคนิควางแผนเคลียร์หนี้ โปะหนี้แบบไหนหมดไวสุด
Key takeaway
- การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องผิด ให้เรามองเป็นสถานการณ์ที่จัดการได้
- ทุกก้าวเล็ก ๆ ในการเคลียร์หนี้ คือจุดเริ่มต้นของชีวิตที่มั่นคงขึ้น
- หากกำลังรู้สึกหนักใจกับหนี้ ลองอ่านบทความนี้เพื่อค้นหาวิธีจัดการอย่างเข้าใจ
- 4 เทคนิคเคลียร์หนี้ไว แบบไม่บั่นทอนใจ
หนี้ คืออะไร และทำไมถึงไม่ควรรู้สึกผิดที่มีหนี้
ในชีวิตจริง หนี้ คือสิ่งที่หลายคนต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้าน หนี้บัตรเครดิต หนี้กู้เรียน หนี้ค่ารักษาพยาบาล หรือหนี้จากการดูแลคนในครอบครัว แม้เราอาจจะไม่ได้ตั้งใจสร้างหนี้ แต่ด้วยภาระ ความจำเป็น หรือวิกฤตบางอย่าง ก็ทำให้ต้อง "มีหนี้" เพื่อจะผ่านช่วงเวลานั้นไปให้ได้ แต่ที่สำคัญคือเมื่อเราเริ่มมีรายได้หรือสถานะการเงินนิ่งขึ้น เราต้องวางแผนเคลียร์หนี้อย่างมีระบบ เพื่อให้อนาคตทางการเงินกลับมาสดใสอีกครั้ง

4 เทคนิคเคลียร์หนี้ให้หมดไว แบบไม่บั่นทอนใจ
1. เห็นภาพรวมให้ชัดก่อนเริ่มโปะ
ลองจดหรือทำตารางแยกออกมาว่า มีหนี้กี่ก้อน แต่ละก้อนเป็นหนี้ประเภทไหน เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้กู้ยืม หนี้บ้าน หนี้รถ ฯลฯ พร้อมระบุยอดหนี้ที่เหลืออยู่ ดอกเบี้ย และยอดที่ต้องชำระขั้นต่ำต่อเดือน
จากนั้นให้วิเคราะห์ว่าเงินส่วนใหญ่ที่เป็นหนี้มาจากค่าใช้จ่ายประเภทไหน เช่น ค่าใช้จ่ายจำเป็น หรือค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เพื่อให้เรารู้ว่าอะไรควรลด ตัด หรือจัดการก่อน เพื่อเอาเงินมาโปะหนี้อย่างจริงจัง
2. เลือกวิธีการโปะหนี้ที่เหมาะสมกับตัวเอง
เมื่อเห็นภาพรวมของหนี้ทั้งหมดแล้ว ขั้นตอนถัดมาคือให้เลือกวิธีการโปะหนี้ โดยพิจารณาจากทั้ง “พฤติกรรม” และ “ประเภทของหนี้” ควบคู่กัน
หลักการง่าย ๆ ในการจัดลำดับความสำคัญว่า “หนี้ประเภทไหนควรโปะก่อน” คือ:
- เลือกโปะหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงและลดต้นลดดอกก่อน เช่น หนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อเงินกู้ที่คิดดอกเบี้ยจากยอดคงค้าง เพราะยิ่งปล่อยไว้นาน ยิ่งจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากมีหนี้บัตรเครดิต 30,000 บาท ดอกเบี้ย 16% ต่อปี และหนี้ผ่อนโทรศัพท์ 10,000 บาท ดอกเบี้ย 0% 10 เดือน ควรเลือกโปะหนี้บัตรเครดิตก่อน
- หนี้ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงในชีวิต เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียน หรือหนี้ที่ค้างชำระนานจนส่งผลต่อเครดิตบูโร เพราะหากปล่อยไว้อาจกระทบต่อโอกาสในอนาคต เช่น การขอสินเชื่อ ซื้อบ้าน หรือแม้แต่การสมัครงานในบางตำแหน่ง
- หนี้ที่มีดอกเบี้ยคงที่และไม่มีค่าปรับโปะเพิ่ม เช่น หนี้รถบางประเภท อาจไม่จำเป็นต้องรีบโปะ เพราะดอกเบี้ยถูกล็อกไว้แล้ว จ่ายตามกำหนดก็ไม่เสียเปรียบ
จากนั้นให้เลือกวิธีการโปะที่เหมาะกับพฤติกรรมของตัวเอง ซึ่งทำได้ 2 วิธี:
- สำหรับคนที่มีวินัยในการจ่ายหนี้ อาจจะเลือกโปะหนี้จากก้อนที่ดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน (Avalanche) เพื่อประหยัดเวลาและเงินจากดอกเบี้ยในระยะยาว
- สำหรับคนที่ต้องการแรงฮึด อาจจะเลือกโปะหนี้จากก้อนเล็กสุดก่อน (Snowball) เพื่อสร้างแรงจูงใจในการจ่ายหนี้ และมีแรงฮึดจากความคืบหน้าเล็ก ๆ
อย่างไรก็ตาม ต้องขอย้ำว่าไม่มีวิธีไหนถูกหรือผิด 100% แต่อยู่ที่ว่าเราให้ความสำคัญกับอะไร และเลือกแนวทางที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด
3. แยกบัญชีไว้โปะหนี้โดยเฉพาะ
ตั้งบัญชีแยกเฉพาะเพื่อโปะหนี้ และตั้งโอนเงินเข้าบัญชีอัตโนมัติทุกเดือน จะช่วยให้เราไม่เผลอใช้เงินที่ต้องจ่ายหนี้ไปกับอย่างอื่น และสร้างวินัยทางการเงินที่ดี
4. ถ้ามีหนี้หลายก้อนมาก อาจพิจารณารวมยอดหนี้
การรวมหนี้ (Debt Consolidation) เช่น การรีไฟแนนซ์หรือการรวมหนี้บัตรเครดิตหลายใบมาไว้ที่เดียว เป็นวิธีที่ช่วยให้เราบริหารจัดการหนี้ได้ง่ายขึ้น และอาจลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาวได้ด้วย เหมาะกับคนที่มีหนี้หลายก้อนที่กระจายอยู่หลายบัญชีหลายธนาคารจนยากจะควบคุม และต้องการความชัดเจนในแผนการผ่อนชำระ
วิธีการรวมหนี้ทำได้หลายแบบ เช่น
- ยื่นกู้ใหม่กับธนาคารที่เสนออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า แล้วนำเงินก้อนนี้ไปปิดหนี้เดิมทั้งหมด จะได้ผ่อนแค่ธนาคารเดียว
- ใช้บริการรวมหนี้ของสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ เช่น ธนาคารที่มีแคมเปญรวมหนี้พร้อมปรับโครงสร้างการผ่อน
- หากมีวงเงินกู้บ้านเหลือ อาจรีไฟแนนซ์โดยขอวงเงินเพิ่มเพื่อนำมาปิดหนี้อื่น (ต้องระวังเงื่อนไขและค่าใช้จ่ายแฝง)
ปลดหนี้อย่างเข้าใจ ไม่ต้องแบกไว้คนเดียว
หนี้ไม่ใช่จุดจบของชีวิต และไม่ใช่เครื่องหมายของความล้มเหลว มันคือสถานการณ์ชั่วคราวที่สามารถวางแผนจัดการได้ การปลดหนี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ยากในชีวิต สิ่งสำคัญคือการตั้งสติแล้วเริ่มต้นทีละก้าว ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจหนี้ทั้งหมด วางแผนเลือกวิธีโปะ หรือขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเมื่อรู้สึกว่าจัดการหนี้ทั้งหมดคนเดียวไม่ไหว
ให้จำไว้ว่าทุกก้าวเล็ก ๆ ที่ลงมือทำ คือการเดินไปสู่ชีวิตที่เบาขึ้น โล่งขึ้น และมั่นคงขึ้นในอนาคต
