ทำความเข้าใจการลงทุนแบบง่าย ๆ สำหรับมือใหม่ อ่านจบแล้วเริ่มต้นลงทุนได้เลย

บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับ:

  • วิธีประเมินความเสี่ยงและตั้งเป้าหมายการเงิน
  • สินทรัพย์หลัก 5 ประเภท (Asset Class) และการจัดพอร์ตการลงทุน
  • วิธีเริ่มลงทุนได้ทันทีโดยไม่ต้องมีเงินก้อนโตด้วยเทคนิค DCA

"ให้เงินทำงาน" วลีฮิตในโลกออนไลน์ที่หมายถึงการนำเงินไปลงทุนเพื่อให้ได้กำไรกลับมา ใคร ๆ ก็พูดกันว่าควรเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่พอถึงเวลาจะลงทุนจริงกลับไม่รู้จะเริ่มยังไง หรือเลือกลงทุนอะไรดีที่จะเหมาะกับเรา โดยเฉพาะถ้าไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการลงทุนมาก่อน

เพียงแค่คิดอยากจะเริ่มต้นลงทุนก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวลจนเกินไป บทความนี้จะช่วยให้ไอเดียว่า ถ้าอยากเริ่มต้นลงทุนให้เงินทำงาน มีตัวเลือกไหนบ้างที่เข้าใจง่าย มือใหม่ก็สามารถเริ่มลงทุนได้จริง พร้อมเทคนิคเล็ก ๆ ที่ช่วยให้เริ่มต้นได้แบบไม่เสี่ยงเกินไป

 

เริ่มต้นลงทุนให้เงินทำงาน มีตัวเลือกไหนบ้างที่เข้าใจง่าย มือใหม่ก็สามารถเริ่มลงทุนได้จริง



"ลงทุน" คืออะไร

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้คำจำกัดความการลงทุน ว่าคือการนำเงินที่มี ไปวางไว้ในสินทรัพย์ที่คาดว่าจะงอกเงยในอนาคต เช่น หุ้น กองทุนรวม หรือแม้แต่เงินฝากประจำ

การลงทุนไม่ใช่การพนัน แต่ไม่ได้การันตีผลตอบแทนแน่นอน 100% เป้าหมายของการลงทุนจึงไม่ใช่รวยเร็ว แต่เป็นการสร้างโอกาสให้เงินเติบโตในระยะยาว

  • พร้อมรับความเสี่ยงแค่ไหน?

ความสามารถในการรับความเสี่ยงของแต่ละคนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลทางการเงินหรือความรู้สึกทางใจ ถ้าเงินก้อนนั้นมีความจำเป็นต้องใช้ในอนาคตอันใกล้ หรือเป็นเงินที่ไม่สามารถขาดได้ อาจไม่ควรนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง เช่น หุ้น แต่ถ้าเป็นเงินเย็นที่ยังไม่มีเป้าหมายชัดเจน หรือสามารถใช้เงินก้อนนี้ลงทุนในระยะยาวได้ ก็อาจเปิดรับความเสี่ยงได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน บางคนแม้จะมีฐานะทางการเงินมั่นคง แต่ถ้าเห็นตัวเลขติดลบแล้วนอนไม่หลับ ก็อาจไม่เหมาะกับการลงทุนที่มีความผันผวนสูง เพราะสุขภาพใจก็สำคัญไม่แพ้ผลตอบแทน เราสามารถประเมินระดับความเสี่ยงของตัวเองเบื้องต้นได้ ด้วยการทำแบบประเมินการลงทุน (Suitability Test) ที่มีให้ประเมินได้ฟรีบนแอปโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ ซึ่งจะช่วยแนะนำประเภทการลงทุนที่เหมาะสมกับเราทั้งสถานะทางการเงินและความสบายใจ

  • ต้องใช้เงินเมื่อไร?

ถ้ารู้ว่าต้องใช้เงินตอนไหน ให้คำนวณระยะเวลาว่านับจากวันที่ลงทุนไปจนถึงวันที่ตั้งเป้าหมายไว้มีเวลาเหลือเท่าไร เพราะการลงทุนเพื่อเกษียณในอีก 20 ปี กับการใช้เงินในอีก 6 เดือน ก็จะมีวิธีการวางแผนที่แตกต่างกัน

  • อยากลงทุนเพื่ออะไร?

เป้าหมายที่ชัดเจนจะเป็นจุดตั้งต้นสำคัญของการลงทุน นอกจากจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ลงมือทำได้จริงแล้ว ยังช่วยประเมินความคืบหน้าและปรับแผนได้หากผลการลงทุนไม่เป็นไปตามที่หวัง เช่น ถ้ารู้ว่าต้องการเงินก้อนสำหรับเป็นค่าเทอมลูกในอีก 5 ปี แต่ผลตอบแทนปีนี้ไม่เป็นไปตามแผน ก็อาจต้องเพิ่มเงินลงทุนหรือขยายระยะเวลาการลงทุน เป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้ตัดสินใจปรับแผนได้ง่ายขึ้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ตั้งใจไว้ และเหมาะกับเงื่อนไขชีวิตของเรา



เข้าใจ “Asset Class” เพื่อจัดพอร์ตการลงทุน

หากต้องการวางแผนให้เงินเติบโตอย่างสม่ำเสมอและลดความเสี่ยงในระยะยาว หนึ่งในแนวคิดที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำคือการ "จัดพอร์ตการลงทุน" หรือ Asset Allocation หรือ "การแบ่งตะกร้า" ซึ่งเป็นการกระจายเงินลงทุนไปในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ไม่เลือกลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเพียงอย่างเดียว เพื่อสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงหากสินทรัพย์หนึ่งมีผลตอบแทนไม่ดี แต่ยังมีสินทรัพย์ประเภทอื่นที่อาจทำหน้าที่ชดเชยกันได้ และช่วยให้พอร์ตมีโอกาสเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอมากกว่า

การทำความเข้าใจ "Asset Class" หรือ "ประเภทของสินทรัพย์" จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการลงทุน เพราะสินทรัพย์แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะ ความเสี่ยง และผลตอบแทนที่ต่างกัน

Franklin Templeton บริษัทจัดการกองทุนระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ให้คำจำกัดความ Asset Class ว่าหมายถึง กลุ่มของสินทรัพย์ที่มีลักษณะทางการเงินคล้ายกัน เช่น ระดับความเสี่ยง วิธีการสร้างผลตอบแทน และพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคา โดยสินทรัพย์ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันมักจะมีความสัมพันธ์ต่อกันมากกว่าสินทรัพย์ต่างกลุ่ม

การรู้จักและเลือกจัดสรรสินทรัพย์อย่างเหมาะสมจึงเป็นหัวใจของการวางแผนลงทุนระยะยาว เพราะในความเป็นจริง ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าปีนี้หุ้นจะขึ้น ทองจะร่วง หรือดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร แต่สิ่งที่เราทำได้คือจัดพอร์ตรับมือกับความผันผวนเหล่านั้น เพื่อให้พอร์ตโดยรวมยังสามารถเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ ในเวลาที่สินทรัพย์บางประเภทให้ผลตอบแทนน้อยลง

 

ทำความรู้จักกับ Asset Class 5 กลุ่มหลัก

1. เงินสด (Cash)

คือ สินทรัพย์ที่สามารถใช้จ่ายหรือเปลี่ยนเป็นเงินได้ทันที

ตัวอย่าง: เงินสด บัญชีออมทรัพย์ บัญชีเงินฝากประจำ กองทุนตลาดเงิน รวมถึงรายการเทียบเท่าเงินสด (Cash equivalents) ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสดได้ตลอดเวลา

ข้อดี: สภาพคล่องสูง ความเสี่ยงต่ำมาก

ข้อเสีย: ผลตอบแทนต่ำ อาจไม่ชนะเงินเฟ้อในระยะยาว

เหมาะกับ: ใช้ในการเก็บเงินสำรองฉุกเฉินหรือเป้าหมายระยะสั้น เน้นความปลอดภัย ต้องการเข้าถึงเงินได้ง่าย หรือต้องใช้เงินในระยะเวลาอันใกล้



2. ตราสารหนี้ (Fixed Income)

คือ สินทรัพย์ที่ผู้ลงทุนให้เงินกู้กับผู้ออกตราสาร เช่น รัฐบาล หรือบริษัท เพื่อแลกกับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยตามระยะเวลาที่กำหนด คล้ายกับการปล่อยกู้แบบมีสัญญา ซึ่งเมื่อครบกำหนด ผู้ออกตราสารจะต้องชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตามอัตราที่ตกลงกันไว้

ตัวอย่าง: พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้บริษัทเอกชน ตราสารตลาดเงิน และกองทุนรวมตราสารหนี้

ข้อดี: ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอในรูปแบบดอกเบี้ย ความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น

ข้อเสีย: ผลตอบแทนอาจต่ำในภาวะดอกเบี้ยต่ำ และมีความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออกตราสาร

เหมาะกับ: คนที่ต้องการกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และรับความผันผวนได้ในระดับปานกลาง

3. อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate)

คือ สินทรัพย์ในรูปแบบที่อยู่อาศัยหรือพื้นที่ใช้สอย รวมถึงกองทุนที่เปิดโอกาสให้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

ตัวอย่าง: บ้าน คอนโด ที่ดิน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REITs)

ข้อดี: มีมูลค่าเพิ่มในระยะยาว สามารถสร้างรายได้จากค่าเช่า และเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้

ข้อเสีย: ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นสูง สภาพคล่องต่ำ และมีค่าบำรุงรักษา รวมทั้งค่าใช้จ่ายแฝงต่าง ๆ

เหมาะกับ: คนที่มีเงินลงทุนก้อนใหญ่ และมองหาแหล่งรายได้ระยะยาวหรือการกระจายความเสี่ยงจากตลาดการเงิน

4. หุ้น (Equity)

คือ การเป็นเจ้าของกิจการบางส่วนผ่านการถือหุ้น ผู้ถือหุ้นจะได้รับผลตอบแทนจากการเติบโตของธุรกิจและเงินปันผล (ถ้ามี)

ตัวอย่าง: หุ้นสามัญ หุ้นต่างประเทศ กองทุนรวมหุ้น

ข้อดี: มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงในระยะยาว

ข้อเสีย: ความผันผวนสูง ราคาขึ้นลงตามภาวะตลาด ต้องมีความรู้และวางแผนระยะยาว

เหมาะกับ: คนที่รับความเสี่ยงได้ดี หรือคนที่มีเป้าหมายทางการเงินระยะยาว เช่น เก็บเงินเพื่อเกษียณ

5. สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities)

คือ สินทรัพย์ที่อยู่ในรูปของวัตถุดิบหรือทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถซื้อขายในตลาดได้

ตัวอย่าง: ทองคำ น้ำมัน สินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง

ข้อดี: ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และตลาดหุ้นที่ผันผวน สินทรัพย์บางประเภท เช่น ทองคำ มักเป็นที่พึ่งในภาวะวิกฤต หรือช่วงสงคราม

ข้อเสีย: ราคามีความผันผวนสูง ต้องมีความรู้เกี่ยวกับสินค้าและต้องอาศัยการคาดการณ์แนวโน้มตลาด

เหมาะกับ: การกระจายความเสี่ยงในพอร์ตลงทุน และผู้ที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก

การจัดพอร์ตการลงทุนที่ดีควรผสมสินทรัพย์หลายประเภท เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว โดยสัดส่วนของแต่ละ Asset Class ควรขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ระยะเวลา และระดับความเสี่ยงที่รับได้ของแต่ละคน

ไม่ต้องจับจังหวะตลาดเป็น ก็ลงทุนได้แบบสม่ำเสมอ

หนึ่งในวิธีที่เหมาะกับมือใหม่คือการลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) หรือ การทยอยลงทุนเป็นงวด ๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น ลงทุนเดือนละ 1,000 บาททุกเดือน ไม่ว่าจะตลาดขึ้นหรือลง วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะตลาดผิด เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะซื้อแพงหรือลงทุนผิดเวลา และยังฝึกวินัยการลงทุนได้อีกด้วย

งานวิจัยของ Vanguard (2020) เปรียบเทียบระหว่างการลงทุนแบบ DCA กับการลงทุนทีเดียวแบบก้อนใหญ่ (Lump Sum Investing) พบว่าแม้ในระยะยาว Lump Sum มักให้ผลตอบแทนดีกว่า แต่ DCA กลับช่วยลดความผันผวนของพอร์ตและสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนหน้าใหม่ได้ดีกว่า โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง นอกจากนี้ DCA ยังช่วยให้สามารถเริ่มต้นได้ทันที แม้จะมีเงินไม่มาก เพราะไม่จำเป็นต้องรอเงินก้อนใหญ่ก่อนลงทุน

ปัจจุบันสามารถตั้งระบบให้ลงทุนแบบ DCA ได้อัตโนมัติผ่านแอปโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพหรือแอปซื้อกองทุน ทำให้ไม่ต้องคอยกดซื้อเองทุกเดือน ช่วยให้ลงทุนได้ต่อเนื่องโดยไม่ลืม และยังเป็นการฝึกวินัยการออมไปในตัวอีกด้วย

เริ่มได้เลย ไม่ต้องรอเงินก้อนโต

การเริ่มต้นลงทุนไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนโต หรือมีความรู้ลึกซึ้งมาก่อน แค่เริ่มจากเป้าหมายที่ชัด และเลือกเครื่องมือที่เหมาะกับตัวเอง การให้เงินทำงานก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

สามารถเปิดบัญชีซื้อขายกองทุนรวมและตั้งค่าลงทุนอัตโนมัติ แบบ DCA ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพได้ด้วยตัวเอง ตั้งใจเริ่มต้นอย่างมีวินัย ให้เวลาเงินได้เติบโต สุดท้ายเงินก็จะทำงานแทนเรา

 

การลงทุนแบบ DCA  เริ่มได้เลย ไม่ต้องรอเงินก้อนโต



เครื่องมือช่วยเหลือ

ธนาคารพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณ
ในทุกธุรกรรมทางการเงิน

เครื่องมือช่วยเหลือ

ธนาคารพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณ
ในทุกธุรกรรมทางการเงิน

คุณกำลังจะออกจากเว็บไซต์ธนาคารกรุงเทพ